วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ อังเดร วิสดอม

ประวัติของ อังเดร วิสดอม











พนันบอลออนไลน์


ข้อมูลผู้เล่น


ชื่อจริง อังเดร วิสดอม


วันเกิด 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1993 (อายุ 22 ปี)


เกิดที่ ลีดส์ เวสต์ ยอร์คเชียร์ ประเทศ อักฤษ


สัญชาติ อังกฤษ


ส่วนสูง 186 ซม.


น้ำหนัก 78 กก.


ตำแหน่ง กองหลัง


ลงเล่น 22 นัด


ยิงประตู 1 ประตู


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


สโมสรปัจจุบัน ลิเวอร์พูล


 ย้ายร่วมทีม 24 มกราคม ค.ศ. 2008


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 42


ลงนัดแรก 20 กันยายน ค.ศ. 2012



พนันบอลออนไลน์




ประวัติการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ


วิสดอมเกิดในครอบครัวชาว จาไมก้า ในเมือง ลีดส์ เวสต์ ยอร์คเชียร์ และเขาได้เติบใหญ่ขึ้นในเมือง ชาเปลทาวน์ เขาเริ่มเตะฟุตบอลด้วยการไปเข้าอคาเดมี่ของ แบรดฟอร์ด ซิตี้ ในขณะนั้นเขาก็ได้รับการดูแลและพัฒนาฝีเท้าไปพร้อมๆกับเพื่อนในแคมป์ ในอนาคตซึ่งเป็นนักฟุตบอลใน พรีเมียร์ ลีก อย่าง ฟาเบียน เดลฟ์ และ ทอม เคลฟเวอร์ลีย์ พวกเขาเล่นได้โดดเด่นและแพรวพราวมากในระดับเยาวชน และเขาได้ไปเล่นกับพวกที่อายุสูงกว่าเขา 1 ปี ในชุด ยู - 15 และเขาก็ได้เซ็นสัญญากับสโมสร ลิเวอร์พูล ด้ววัยเพียง 14 ปี เมื่อเดือน มกราคม ค.ศ. 2008 วิสดอม เขาได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ก่อนที่เขาจะค่อยๆก้าวขึ้นมาติดอยู่ในทีมสำรองของสโมสร เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2010 ผู้จัดการทีม รอย ฮอดจ์สัน ได้เรียกตัว อังเดร วิสดอม ไปติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในรายการ ลีก คัพ ในนัดที่พบกับทีมจาก ลีก ทู อย่าง นอร์ทแธมป์ตัน ทาวน์ แต่เขาก็ยังไม่มีโอกาศได้ลงสนาม โดยในนัดนัด ลิเวอร์พูล ได้พ่ายไปในการดวลจุดโทษ หลังจากที่ในเกมเสมอกันมา 2 - 2 และหลังจากนั้นเขาก็ได้กลับไปทำงานเดิม นั่นคือการลงเล่นให้ดับทีมเยาวชนตามเดิม และต่อมาเขาก็ได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมในชุดสำรอง เขาได้รับรางวัลตอบแทนที่เขาโชว์ฟอร์มได้ดีด้วยการขยายสัญญาออกไปอีก โดยการตัดสินใจของกุนซือหน้าใหม่ เคนนี่ ดัลกริช ในช่วงซัมเมอร์ 2011




พนันบอลออนไลน์




หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ได้แต่งตั้งให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้เขามาเป็นผู้จัดการทีมเมื่อเดือน มิถุนายน ค.ศ. 2012 และนี่ก็เป็นผู้จัดการคนที่ 4 ของเขา ในช่วงเวลาที่เขาเล่นอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อเดือนกันยายน วิสดอม ได้ออกไปนอกเกาะอังกฤษกับทีมต้นสังกัด โดยไปที่ สวิชเซอร์แลนด์ เพื่อไปแข่งขันในรายการ ยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดยในนัดนั้นทีมได้พบกับ ยังส์ บอย เบิร์น เขาได้มีชื่อติดอยู่มน 11 ตัวจริง และสามารถยิงประตูแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะไปได้ 5 - 3 ผลงานในการลงเล่นของเขาเป็ฯที่น่าประทับใจมาก จากการที่เขาได้ไปเล่นในรายการยุโรปเป็นครั้งแรก และนั่นก็คือการนำทางให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ หลังจากนัั้นเขาก็ได้ลงเล่นในฐานะ 11 ผู้เล่นตัวจริงเรื่อยมา โดยในการลงเล่นเป็นตัวจริงของเขาเเกิดขึ้นอีกครั้ง ในเกมที่สามารถเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไปด้วยสกอร์ 2 - 1 ในรายการ ลีก คัพ เมื่อวันที่ 26 กันยายน และเขาก็ได้โอกาศลงสนามใน พรีเมียร์ ลีก ในอีก 3 วันต่อมา ในเกมที่สามารถบุกไปเอาชนะ นอริช ซิตี้ ด้วยสกอร์ 5 - 2 และเขายังคงได้รับความไว้วางใจให้ลงสนาม เป็นผู้เล่นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง และเขาได้โอกาศลงไปสัมผัสเกม เมอร์ซี่ไซด์ ดาบี้ แมตช์ ในเกมที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ไปด้วยสกอร์ 2 - 2 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2012 พนันบอลออนไลน์








พนันบอลออนไลน์  





ปราการหลังผิวสี อังเดร วิสดอม เขาได้เกิดในครอบครัวชาว จาไมก้า ในเมือง ลีดส์ เวสต์ ยอร์คเชียร์ และเขาได้เติบใหญ่ขึ้นในเมือง ชาเปลทาวน์ เขาเริ่มเตะฟุตบอลด้วยการไปเข้าอคาเดมี่ของ แบรดฟอร์ด ซิตี้ ในขณะนั้นเขาก็ได้รับการดูแลและพัฒนาฝีเท้าไปพร้อมๆกับเพื่อนในแคมป์ ในอนาคตซึ่งเป็นนักฟุตบอลใน พรีเมียร์ ลีก อย่าง ฟาเบียน เดลฟ์ และ ทอม เคลฟเวอร์ลีย์ พวกเขาเล่นได้โดดเด่นและแพรวพราวมากในระดับเยาวชน และเขาได้ไปเล่นกับพวกที่อายุสูงกว่าเขา 1 ปี ในชุด ยู - 15 และเขาก็ได้เซ็นสัญญากับสโมสร ลิเวอร์พูล ด้ววัยเพียง 14 ปี เมื่อเดือน มกราคม ค.ศ. 2008 วิสดอม เขาได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ก่อนที่เขาจะค่อยๆก้าวขึ้นมาติดอยู่ในทีมสำรองของสโมสร เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2010 ผู้จัดการทีม รอย ฮอดจ์สัน ได้เรียกตัวปราการหลังร่างยักษ์ วิสดอม ขึ้นไปติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในรายการ ลีก คัพ ในนัดที่พบกับทีมจาก ลีก ทู อย่าง นอร์ทแธมป์ตัน ทาวน์ แต่เขาก็ยังไม่มีโอกาศได้ลงสนาม โดยในนัดนัด ลิเวอร์พูล ได้พ่ายไปในการดวลจุดโทษ หลังจากที่ในเกมเสมอกันมา 2 - 2 และหลังจากนั้นเขาก็ได้กลับไปทำงานเดิม นั่นคือการลงเล่นให้ดับทีมเยาวชนตามเดิม และต่อมาเขาก็ได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมในชุดสำรอง เขาได้รับรางวัลตอบแทนที่เขาโชว์ฟอร์มได้ดีด้วยการขยายสัญญาออกไปอีก โดยการตัดสินใจของกุนซือหน้าใหม่ เคนนี่ ดัลกริช ในช่วงซัมเมอร์ 2011 แม้ว่าเขาจะได้รับศรทธาจาก ดัลกริช





พนันบอลออนไลน์





ในฤดูกาล 2012 - 2013 หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ได้แต่งตั้งให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้เขามาเป็นผู้จัดการทีมเมื่อเดือน มิถุนายน ค.ศ. 2012 และนี่ก็เป็นผู้จัดการคนที่ 4 ของเขา ในช่วงเวลาที่เขาเล่นอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อเดือนกันยายน วิสดอม ได้ออกไปนอกเกาะอังกฤษกับทีมต้นสังกัด โดยไปที่ สวิชเซอร์แลนด์ เพื่อไปแข่งขันในรายการ ยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดยในนัดนั้นทีมได้พบกับ ยังส์ บอย เบิร์น เขาได้มีชื่อติดอยู่มน 11 ตัวจริง และสามารถยิงประตูแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะไปได้ 5 - 3 ผลงานในการลงเล่นของเขาเป็ฯที่น่าประทับใจมาก จากการที่เขาได้ไปเล่นในรายการยุโรปเป็นครั้งแรก และนั่นก็คือการนำทางให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ หลังจากนัั้นเขาก็ได้ลงเล่นในฐานะ 11 ผู้เล่นตัวจริงเรื่อยมา โดยในการลงเล่นเป็นตัวจริงของเขาเเกิดขึ้นอีกครั้ง ในเกมที่สามารถเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไปด้วยสกอร์ 2 - 1 ในรายการ ลีก คัพ เมื่อวันที่ 26 กันยายน และเขาก็ได้โอกาศลงสนามใน พรีเมียร์ ลีก ในอีก 3 วันต่อมา ในเกมที่สามารถบุกไปเอาชนะ นอริช ซิตี้ ด้วยสกอร์ 5 - 2 และเขายังคงได้รับความไว้วางใจให้ลงสนาม เป็นผู้เล่นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง และเขาได้โอกาศลงไปสัมผัสเกม เมอร์ซี่ไซด์ ดาบี้ แมตช์ ในเกมที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ไปด้วยสกอร์ 2 - 2 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2012 หลังจากนั้น วิสดอม ก็ได้จรดปลายปากกาเซ็นสัญญแับใหม่กับ ลิเวอร์พูล ในวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 2013
















พนันบอลออนไลน์

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ โคโล ตูเร่

ประวัติของ โคโล ตูเร่










พนันบอลออนไลน์


ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อ โคโล ฮาบิบ ตูเร่


วันเกิด 19 มีนาคม ค.ศ. 1981 (อายุ 34 ปี)


สถานที่เกิด เมือง บัวเก ประเทศ ไอวอรี่โคสต์


ทีมชาติ ไอวอรี่โคสต์


ส่วนสูง 186 ซม.


น้ำหนัก 76 กก.


ตำแหน่ง กองหลัง


ลงเล่น 15 นัด


ยิงประตู 0 ประตู


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


สโมสรปัจจุบัน ลิเวอร์พูล


ย้ายร่วมทีม 2 กรกฏาคม ค.ศ. 2013


ลงนัดแรก 17 สิงหาคม ค.ศ. 2013


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 4





ประวัติของนักเตะ 



พนันบอลออนไลน์



โคโร ฮาบิบ ตูเร่ เขาได้เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1981 และได้โตขึ้นมาในเมือง บัวเก ประเทศไอวอรี่โคสต์ ถือว่าเป็นนักเตะที่มีรูปร่างใหญ่พอสมควร และนั่นทำให้เขาได้เปรียบเรื่องจังหวะลูกกลางอากาศ แถมเขายังมีความเร็วอีกต่างหาก ผิดกับรูปร่างเขา เพราะส่วนมากคนที่มีรูปร่างใหญ่จะเคลื่อนตัวช้า ตูเร่ เขาได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ชิพ กับทีม อาร์เซนอล ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 ซึ่งเขาย้ายมาจาก เอเอสซีอี ไมโมเซส ด้วยค่าตัว 150,000 ปอนด์ (ประมาน 7.5 ล้านบาท) หลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในช่วงทดสอบฝีเท้า แต่เขาก็ยังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในถิ่น ไฮบิวรี่ ได้สำเร็จ จนกระทั่งในเดือนสิงหาคมปีเดียวกันนี่เอง เขาก็ได้สวมเสื้อ "ปืนใหญ่" เป็นครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลการกุศล คอมมิวนิตี้ ชีลด์ เจอกับสโมสร ลิเวอร์พูล โดยเขาได้โอกาศลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา เขายิงประตูแรกให้กับตัวเองในสีเสื้ออาร์เซนอลได้ ในนัดที่บุกไปเสมอเชลซี 1 - 1 ที่สนาม สแตรมฟอร์ด บริดจ์ ในฤดูกาลที่ 2003 - 2004 อาร์แซน เวงเกอร์ ได้โยกให้เขามาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งในตอนนั้นเขาได้ยืนคู่กับ โว แคมเบลล์ ช่วยให้ทีมต้นสังกัดอย่าง อาร์เซน่อล ไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 49 นัด ในปีต่อมา 2004 - 2005 กองหลังผิวสี รายนี้ได้ปรับตัวให้เข้ากับการเล่นสไตล์ของอาร์เซนอลได้อย่างรวดเร็ว




พนันบอลออนไลน์




เมื่อฤดูกาลที่ 2005 - 2006 ตูเร่ เขาก็ได้ถูกจับมาเล่นคู่กับ เฟลิเป้ เซนเดอรอส ในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง และทั้งคู่ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น จนสามารถทำให้อาร์เซนอลทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศของรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก ด้วยการสร้างสถิติที่เป็นสถิติของการแข่งขัน คือการไม่เสียประตูติดต่อกันถึง 10 นัดรวด แต่น่าเสียดายที่ต้องพ่ายให้กับทีม บาร์เซโลน่า ไปด้วยสกอร์ 2 - 1 ตูเร่เปลี่ยนเบอร์เสื้อจากเบอร์ 28 มาเป็นเบอร์ 5 ในฤดูกาล 2006 - 2007 หลังจากที่ มาร์ติน คีโอน ออกจากทีมไป เขาก็ได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีม อาร์เซนอล เป็นครั้งแรก ในนัดที่ถล่มเอาชนะ ลิเวอร์พูลไปได้ 6 - 3 ในฟุตบอล ลีก คัพ เมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 2007 หลังจากนั้นเขาก็ได้รับความไว้วางใจจาก เวงเกอร์ ให้ทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม ในอีกหลายเกมต่อไป และเมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2009 ตูเร่ ก็มีปัญหาเรื่องไม่ลงรอยกับปราการหลังคู่กันอย่าง วิลเลียม กัลลาส เพื่อนร่วมทีม ทำให้เขาขอขึ้นบัญชีย้ายออกจากสโมสร แต่หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับ ปีเตอร์ ฮิลล์ วู๊ด ประธานของสโมสร อาร์เซนอล จึงทำให้เขาอยู่กับทีมต่อจนจบฤดูกาล หลังจากที่มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการจะย้ายทีมของ ตูเร่ สุดท้ายก็เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยื่นข้อเสนอ 14 ล้านปอนด์ (ประมาน 700 ล้านบาท) ให้กับทีมปืนใหญ่เพื่อที่จะดึงตัวเขามาร่วมทัพ พนันบอลออนไลน์




พนันบอลออนไลน์





ปราการหลังร่างยักษ์ โคโร ตูเร่ เขาได้เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1981 และได้โตขึ้นมาในเมือง บัวเก ประเทศไอวอรี่โคสต์ ถือว่าเป็นนักเตะที่มีรูปร่างใหญ่พอสมควร และนั่นทำให้เขาได้เปรียบเรื่องจังหวะลูกกลางอากาศ แถมเขายังมีความเร็วอีกต่างหาก ผิดกับรูปร่างเขา เพราะส่วนมากคนที่มีรูปร่างใหญ่จะเคลื่อนตัวช้า ตูเร่ เขาได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ชิพ กับ เดอะ กันเนอร์ ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 ซึ่งเขาย้ายมาจาก เอเอสซีอี ไมโมเซส ด้วยค่าตัว 150,000 ปอนด์ (ประมาน 7 ล้าน 5 แสนบาท) หลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในช่วงทดสอบฝีเท้า แต่เขาก็ยังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในถิ่น ไฮบิวรี่ ได้สำเร็จ จนกระทั่งในเดือนสิงหาคมปีเดียวกันนี่เอง เขาก็ได้สวมเสื้อ "ปืนใหญ่" เป็นครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลการกุศล คอมมิวนิตี้ ชีลด์ เจอกับสโมสร ลิเวอร์พูล โดยเขาไดเ้โอกาศลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา เขายิงประตูแรกให้กับตัวเองในสีเสื้ออาร์เซนอลได้ ในนัดที่บุกไปเสมอเชลซี 1 - 1 ที่สนาม สแตรมฟอร์ด บริดจ์ ในฤดูกาลที่ 2003 - 2004 อาร์แซน เวงเกอร์ ได้โยกให้เขามาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งในตอนนั้นเขาได้ยืนคู่กับ โว แคมเบลล์ ช่วยให้ทีมต้นสังกัดอย่าง อาร์เซน่อล ไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 49 นัด ในปีต่อมา 2004 - 2005 กองหลังผิวสี รายนี้ได้ปรับตัวให้เข้ากับการเล่นสไตล์ของอาร์เซนอลได้อย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้เขาได้กลายมาเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ ลีก






พนันบอลออนไลน์





เมื่อฤดูกาลที่ 2010 - 2011 โรแบโต มันชินี่ ก็ได้จับ โคโร ตูเร่ เขาก็ได้ถูกจับมาเล่นคู่กับ เฟลิเป้ เซนเดอรอส ในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง และทั้งคู่ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น จนสามารถทำให้อาร์เซนอลทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศของรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก ด้วยการสร้างสถิติที่เป็นสถิติของการแข่งขัน คือการไม่เสียประตูติดต่อกันถึง 10 นัดรวด แต่น่าเสียดายที่ต้องพ่ายให้กับทีม บาร์เซโลน่า ไปด้วยสกอร์ 2 - 1 ตูเร่เปลี่ยนเบอร์เสื้อจากเบอร์ 28 มาเป็นเบอร์ 5 ในฤดูกาล 2006 - 2007 หลังจากที่ มาร์ติน คีโอน ออกจากทีมไป เขาก็ได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีม อาร์เซนอล เป็นครั้งแรก ในนัดที่ถล่มเอาชนะ ลิเวอร์พูลไปได้ 6 - 3 ในฟุตบอล ลีก คัพ เมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 2007 หลังจากนั้นเขาก็ได้รับความไว้วางใจจาก เวงเกอร์ ให้ทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม ในอีกหลายเกมต่อไป และเมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2009 ตูเร่ ก็มีปัญหาเรื่องไม่ลงรอยกับ วิลเลียม กัลลาส เพื่อนร่วมทีม ทำให้เขาขอขึ้นบัญชีย้ายออกจากสโมสร แต่หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับ ปีเตอร์ ฮิลล์ วู๊ด ประธานของสโมสร อาร์เซนอล จึงทำให้เขาอยู่กับทีมต่อจนจบฤดูกาล หลังจากที่มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการจะย้ายทีมของ ตูเร่ สุดท้ายก็เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยื่นข้อเสนอ 14 ล้านปอนด์ (ราว 700 ล้านบาท) ให้กับทีมปืนใหญ่เพื่อที่จะดึงตัวเขามาร่วมทัพ เมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม ค.ศ. 2009 และได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 4 ปี ก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม ค.ศ. 2013















พนันบอลออนไลน์

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ คริส สมอลลิ่ง

ประวัติของ คริส สมอลลิ่ง 










พนันบอลออนไลน์ 





ข้อมูลส่วนตัว 


ชื่อเต็ม คริสโตเฟอร์ สมอลลิ่ง


วันเกิด 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1989 (อายุ 25 ปี)


เกิดที่ เมือง กรีนวิช , ลอนดอน ประเทศ อังกฤษ


ทีมชาติ อังกฤษ


ส่วนสูง 194 ซม.


น้ำหนัก 90 กก.


ตำแหน่ง กองหลัง


 ลงเล่น 137 นัด


ยิงประตู 6 ประตู


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


สโมสรปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ย้ายร่วมทีม 7 กรกฏาคม ค.ศ. 2010


ลงนัดแรก 10 สิงหาคม ค.ศ. 2010 พบกับ เชลซี




ประวัติกาค้าแข้ง 


คริส สมอลลิ่ง เกิดในเมืองกรีนวิช ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขาได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลตอนอายุ 9 ขวบ แต่เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง ให้กับ เมดสโตน ยูไนเต็ด จนกระทั่งไปเข้าตา ฟูแล่ม ทีมในศึก พรีเมียร์ ลีก เขาจึงได้ย้ายไปร่วมทีมฟูแล่ม ในเดือน มิถุนายน ค.ศ. 2008 แต่เขาได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ ลีก ให้ฟูแล่มเป็นนัดแรกในเดือน พฤษภาคม ค.ศ. 2009 โดยเขาลงเล่นแทน อารอนฮิวจ์ ในนาทีที่ 77 ซึ่งในนัดนั้นได้พ่ายต่อ เอฟเวอร์ตัน 2 - 0 เมื่อเดือน ธันวาคม ค.ศ. 2009 สมอลลิ่ง เขาได้มีโอกาศลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงใน พรีเมียร์ ลีก นัดแรกในเกมที่พ่ายต่อเชลซี 2 - 1 แต่ในเกมนั้นเขาทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 75 ในการเล่นให้กับฟูแล่มภายใต้การคุมทีมของ รอย ฮอดจ์สัน ในขณะนั้นเขาเป็นกองหลังที่มีความเร็ว และความแข็งแกร่งมาก เนื่องจากเป็นผู้เล่นที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ทำให้เขามีชื่อติดทีมชาติอังกฤษในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รวมถึงเขาได้รับความสนใจจากแมวมองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด




พนันบอลออนไลน์ 



ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ในการก้าวหน้า และการมีสติปัญญาที่ดีของ คริส สมอลลิ่ง ยังคงเป็ว่าที่ทายาทของ ริโอ เฟอร์ดินาน ในบทบาทเซ็นเตอร์แบ็ค ไม่น่าเชื่อว่า 18 เดือนหลังมาจาก ฟูแล่ม ก่อนหน้านี้ คริส สมอลลิ่ง เล่เป็นปราการหลังอยู่นอกลีกให้กับทีม เมดสโตน หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายเข้ามาสู่ถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2010 ซีซั่นแรกของเขาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาสามารถทำได้ดีกว่าใครๆที่คาดหวัง เขาได้สร้างความประทับใจในแมตช์การแข่งขันต่างๆ ทั้งใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ลีก คัพ สมอลลิ่ง ได้พิสูจน์แล้วว่าเขามีประโยชน์ต่อทีมมากแค่ไหน เขามีความสุขในการลงเล่นทุกครั้งโดยเขาลงเล่นไป 86 นัด และแน่นอนว่าเหรียนญชนะเลิศกับการเปิดตัวของเขา มันก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากที่สุดแล้ว



พนันบอลออนไลน์ 


ส่วนการลงเล่นอย่างเป็นทางการให้กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นก็คือเกม คอมมิวนิตี้ ชีดล์ ในนัดนั้นทีมได้พบกับ เชลซี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2010 และนัดแรกในแชมเปี้ยนส์ลีก เป็นนัดที่พบกับทีม กลาสโกล เรนเจอร์ส โดยผลจบลงด้วยการเสมอกันไป 0 - 0 และต่อมาหลังจากนั้นอีก 8 วัน เขาก็สามารถเบิกประตูของตัวเอง ให้กับสโมสรต้นสังกัดได้ ซึ่งเป็นประตูอย่างเป็นทางการให้กับทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ในเกมการแข่งขัน ลีก คัพ และนัดนั้นสามารถเอาชนะทีม สคันธอร์ป ด้วยสกอร์ที่ถล่มทลาย 5- 2



พนันบอลออนไลน์ 


ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ในการก้าวหน้า และการมีสติปัญญาที่ดีของ คริส สมอลลิ่ง ยังคงเป็ว่าที่ทายาทของ ริโอ เฟอร์ดินาน ในบทบาทเซ็นเตอร์แบ็ค ไม่น่าเชื่อว่า 18 เดือนหลังมาจาก ฟูแล่ม ก่อนหน้านี้ คริส สมอลลิ่ง เล่เป็นปราการหลังอยู่นอกลีกให้กับทีม เมดสโตน หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายเข้ามาสู่ถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2010 ซีซั่นแรกของเขาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาสามารถทำได้ดีกว่าใครๆที่คาดหวัง เขาได้สร้างความประทับใจในแมตช์การแข่งขันต่างๆ ทั้งใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ลีก คัพ สมอลลิ่ง ได้พิสูจน์แล้วว่าเขามีประโยชน์ต่อทีมมากแค่ไหน เขามีความสุขในการลงเล่นทุกครั้งโดยเขาลงเล่นไป 86 นัด และแน่นอนว่าเหรียนญชนะเลิศกับการเปิดตัวของเขา มันก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากที่สุดแล้ว ส่วนการลงเล่นอย่างเป็นทางการให้กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นก็คือเกม คอมมิวนิตี้ ชีดล์ ในนัดนั้นทีมได้พบกับ เชลซี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2010 และนัดแรกในแชมเปี้ยนส์ลีก เป็นนัดที่พบกับทีม กลาสโกล เรนเจอร์ส โดยผลจบลงด้วยการเสมอกันไป 0 - 0 และต่อมาหลังจากนั้นอีก 8 วัน เขาก็สามารถเบิกประตูของตัวเอง ให้กับสโมสรต้นสังกัดได้ ซึ่งเป็นประตูอย่างเป็นทางการให้กับทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ในเกมการแข่งขัน ลีก คัพ และนัดนั้นสามารถเอาชนะทีม สคันธอร์ป ด้วยสกอร์ที่ถล่มทลาย 5- 2


พนันบอลออนไลน์ 



คริส สมอลลิ่ง เกิดในเมืองกรีนวิช ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขาได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลตอนอายุ 9 ขวบ แต่เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง ให้กับ เมดสโตน ยูไนเต็ด จนกระทั่งไปเข้าตา ฟูแล่ม ทีมในศึก พรีเมียร์ ลีก เขาจึงได้ย้ายไปร่วมทีมฟูแล่ม ในเดือน มิถุนายน ค.ศ. 2008 แต่เขาได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ ลีก ให้ฟูแล่มเป็นนัดแรกในเดือน พฤษภาคม ค.ศ. 2009 โดยเขาลงเล่นแทน อารอนฮิวจ์ ในนาทีที่ 77 ซึ่งในนัดนั้นได้พ่ายต่อ เอฟเวอร์ตัน 2 - 0 เมื่อเดือน ธันวาคม ค.ศ. 2009 สมอลลิ่ง เขาได้มีโอกาศลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงใน พรีเมียร์ ลีก นัดแรกในเกมที่พ่ายต่อเชลซี 2 - 1 แต่ในเกมนั้นเขาทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 75 ในการเล่นให้กับฟูแล่มภายใต้การคุมทีมของ รอย ฮอดจ์สัน ในขณะนั้นเขาเป็นกองหลังที่มีความเร็ว และความแข็งแกร่งมาก เนื่องจากเป็นผู้เล่นที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ทำให้เขามีชื่อติดทีมชาติอังกฤษในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รวมถึงเขาได้รับความสนใจจากแมวมองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด




พนันบอลออนไลน์ 



ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ในการก้าวหน้า และการมีสติปัญญาที่ดีของ คริส สมอลลิ่ง ยังคงเป็ว่าที่ทายาทของ ริโอ เฟอร์ดินาน ในบทบาทเซ็นเตอร์แบ็ค ไม่น่าเชื่อว่า 18 เดือนหลังมาจาก ฟูแล่ม ก่อนหน้านี้ คริส สมอลลิ่ง เล่เป็นปราการหลังอยู่นอกลีกให้กับทีม เมดสโตน หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายเข้ามาสู่ถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2010 ซีซั่นแรกของเขาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาสามารถทำได้ดีกว่าใครๆที่คาดหวัง เขาได้สร้างความประทับใจในแมตช์การแข่งขันต่างๆ ทั้งใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ลีก คัพ สมอลลิ่ง ได้พิสูจน์แล้วว่าเขามีประโยชน์ต่อทีมมากแค่ไหน เขามีความสุขในการลงเล่นทุกครั้งโดยเขาลงเล่นไป 86 นัด และแน่นอนว่าเหรียนญชนะเลิศกับการเปิดตัวของเขา มันก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากที่สุดแล้ว














พนันบอลออนไลน์ 

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ ดาลี่ย์ บลินด์

ประวัติของ ดาลี่ย์ บลินด์









พนันบอลออนไลน์



ข้อมูลส่วนตัว 


ชื่อจริง ดาลี่ย์ บลินด์


เกิดวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1990 (อายุ 25 ปี)


เกิดที่ เมือง อัมสเตอร์ดัม ประเทศ เนเธอร์แลนด์


ทีมชาติ ฮอลแลนด์


ส่วนสูง 180 ซม.


น้ำหนัก 72 กก.


ตำแหน่ง แบ็คซ้าย และ กองกลาง


เท้าที่ถนัด เท้าซ้าย


สโมสรปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ย้ายเข้ามาร่วมทีมเมื่อ 1 กันยายน ค.ศ. 2014


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 17




ประวัติการค้าแข้ง


ดาลี่ย์ บลินด์ เขาได้รับรางวัล ทาเลนท์ ออฟ เดอะ ฟิวเจอร์ เมื่อปี ค.ศ. 2008 ของสโมสร อาแจ็กซ์ จากนั้นเขาก็ได้มาโชว์ความสามารถในฟุตบอลโลกที่ผ่านมา เขาเป็นลูกชายของ แดนนี่ บลินด์ ตำนานนักเตะทีมชาติ ฮอลแลนด์ และเขาก็พัฒนาตัวเองจนสร้างชื่อเสียงได้ทั้งในประเทศ และระดับโลก ดาวเตะวัย 24 ปี รายนี้เป็นผลผลิตจากอคาเดมี่ของทีม อาแจ็กซ์ ซึ่งเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่อนาคจไกลของฮอลแลนด์ โดยที่เขาเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทีมบ้านเกิดในวัย 17 ปี เขาได้ลงสนามนัดแรกพบกับทีม เอฟซี โฟเลนดัม เมื่อปี ค.ศ. 2008 แต่ดาวรุ่งรายนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาฝีเท้าของตัววเองต่อไปเรื่อยๆ และต่อมาเขาได้ย้ายไปเล่นให้กับ โครนิงเก้น ในศึก เอเรดิวิซี่ ด้วยสัญญาแบบยืมตัวครึ่งปี และนั่นก็ทำให้เขาได้รับประสบการณ์อย่างมากมายก่อนที่จะกลับมายัง อาแจ็กซ์ อีกครั้ง



พนันบอลออนไลน์



ตรงนี้ถือเป็นก้าวย่างสำคัญสำหรับ บลินด์ เมื่อเขากลับมายัง อัมสเตอร์ดัม และได้กลายเป็นกำลังหลักของทีมในตำแหน่งแบ็คซ้าย ภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ซึ่งพาทีมยักษ์ใหญ่ของฮอลลแลนด์คว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติด ในฤดูกาลที่ 2012 - 2013 บลินด์ ได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร และทีมชาติ ฮอลแลนด์ ก็ได้เรียกตัวเขาให้ไปรับใช้ทีมชาติ ซึ่งก็คือ หลุยส์ ฟาน กัล ที่เป็นคนให้โอกาศเขา บลินด์ ได้ลงประเดิมสนามในนัดที่ทีม "กังหันลมสีส้ม" อุ่นเครื่องกับทีมชาติ อิตาลี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 บลินด์ สามารถคว้าแชมป์ลีกกับสโมสรได้อีก 1 สมัย และได้รับรางวัลนักเตะดัตช์ยอดเยี่ยมแห่งปีเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้เขาติดทีมชาติไปแล้ว 19 ครั้ง และไม่มีอะไรที่น่าจดจำไปกว่า การลงสนามนัดแรกที่เอาชนะ ซัลวาดอร์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเกมที่ถล่มเอาชนะแชมป์เก่าบอลโลก อย่างสเปนไปด้วยสกอร์ 5 - 1 ซึ่งมีลูกจ่ายสุดสวยของเขาให้กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ โขกเข้าไปอย่างสวยงาม เขามีรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย และเข้ากับแผนการทำทีมของ ฟาน กัล ได้ดี เป็นนักเตะที่สามารถทำงานได้ตามความคาดหวัง ตอนนี้เขามาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว และก็พร้อมจะสร้างความประทับใจต่อไปในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด



พนันบอลออนไลน์


ดาลี่ย์ บลินด์ เขาเป็นนักเตะจากอคาเดมี่ของทีม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เขาอยุ่กับทีมมาตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัด ก่อนที่จะถุกยืมตัวให้ไปเล่นกับ โกรนิงเก้น เพื่อนร่วมลีกฮอลแลนด์ ก่อนที่เขาจะกลับมาโชว์ฟอร์มสุดฮ็อตกับต้นสังกัดเดิม จนทำให้เขามีรายชื่อติดทีมชาติ ฮอลแลนด์ ในศึกฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา เขาและเพื่อนๆช่วยกันพาทีมฮอลแลนด์ โดยมี หลุยส์ ฟาน กัล เป็นผู้จัดการทีม เข้าไปได้ลึกถึงรอบชิงอันดับที่ 3 ก่อนที่พวกเขาจะเอาชนะเจ้าภาพอย่าง บราซิล ไปด้วยสกอร์ 3 - 0 บรินด์ เริ่มต้นการค้าแข้งเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสร อาแจ็กซ์ ซึ่งเป็นสโมสรเก่าของคุณพ่อเขา เขาสามารถพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาเรื่อยๆจนได้ติดเป็นตัวหลักของทีมชุด B ของทีม อาแจ็กซ์ เมื่อปี 2007 - 2008 และเขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น จนต้นสังกัดจับให้เขาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพในปี 2008 - 2009 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น



พนันบอลออนไลน์



เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2008 บรินด์ ได้ลงสัมผัสเกมเป็นครั้งแรกในนัดที่พบกับ เอฟซี โวเลนดัม และบรินด์ก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง เมื่อเขาได้เปิดมุมให้กับ แยนแฟร์ตองแก้น ปราการหลังรุ่นพี่ขึ้นโขกให้ทีมเอาชนะ โวเลนดัม ไปด้วยสกอร์ 1 - 0 หลังจากที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมชุดใหญ่ได้ตั้งแต่อสยุยังน้อย อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จึงได้ยื่นสัญญาให้กับเขาใหม่ไปจนถึงปี 2013 วันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 2010 บรินด์ ถูกส่งตัวไปให้ โกรนิงเก้นยืมตัว และเขาก็ใช้เวลาไม่นานในการยืดตำแหน่ง 11 ตัวจริงได้ โดยเขาลงเล่นในตำแหน่ง วิงแบ็คด้าฝั่งขวา และหลังจากนั้นเขาก็ได้กลับมายังสโมสรเดิมของเขา บรินด์ได้รับความไว้วางใจมากขึ้น และเขาก็ได้กลายมาเป็นคีย์แมนของทีม ที่พาทีมคว้ามแชมป์ลีกสูงสุดของฮอลแลนด์ได้ 2 สมัยติดต่อกันเมื่อปี 2010 - 2011 และปี 2011 -  2012 โยยุคนั้นอยู่ภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ หลังจากที่ อาแจ็กซ์ เป็นยักษ์หลับร้างราแชมป์มานมนาน ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2013 ต้นสังกัดประทับใจในฟอรืมการเล่นของเขามากจึงได้จับบรินด์ต่อสัญญาออกไปอีก 3 ปี ทำให้เขามีสัญญาออกไปจนถึงปี 2016 ก่อนที่เขาจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งในฤดูกาลนี้เอง บรินด์ ถูกกุนซือ แฟร้ง เดอ บัวร์ โยกให้เขาไปเล่นในตำแหน่งกองกลาง และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดี ไม่ต่างกับการเล่นที่ตำแหน่งแบ็คซ้ายเลย พนันบอลออนไลน์ และนั่นก็ททำให้เขากลายเป็นผุ้เล่นสารพัดประโยชน์ และ มีความเข้าใจในเกมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีนั้นเอง ดาลี่ย์ บรินด์ ก็ได้คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่มของลีกดัตซ์ ไปครองได้สำเร็จอีกด้วย



ทีมชาติฮอลแลนด์


ดาลี่ย์ บรินด์ เขามีชื่อติดทีมชาติฮอลแลนด์ตั้งแต่ชุด ยู - 17 ในทัวร์นาเมนต์ ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนส์ชิพ เมื่อปี ค.ศ. 2007 และยังสามารถก้าวขึ้นไปติดชุด ยู - 21 ของฮอลแลนด์ที่ลงแข่งในถ้วยนี้เช่นเดียวกัน สำหรับในนามทีมชาติชุดใหญ่นั้น บรินด์ ได้ถุกเรียกให้ติดทีมชาติ ฮอลแลนด์ ครั้งแรกซึ่งเป็นเกมอุ่นเครื่องกับ อิตาลี ในปี ค.ศ. 2013 ก่อนที่จะจบลงไปด้วยผลเสมอกันที่ 1 - 1 โดยในนั้นเขาได้ลงเล่นครบทั้ง 90 นาที



พนันบอลออนไลน์



ในเดือนมิถุนายน ปีค.ศ. 2014 หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมชาติฮอลแลนด์ ได้เรียกตัว ดาลีาย์ บรินด์ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ เขาเริ่มทัวร์นาเมนต์นี้ด้วยการเป็นตัวจริง โดยเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายในเกมที่ ฮอลแลนด์ ถล่มสเปนแชมป์เก่าไปอย่างสุดมันส์ 3 - 1 ซึ่งช็อตที่สร้างชื่อของเขาก็คือจังหวะที่ครอสบอลลจากริมเส้น โดยโยนไปให้กับกองหน้าอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ พุ่งตอร์ปิโดโหม่งให้ ฮอลแลนด์ ตีเสมอ สเปน ได้สำเร็จ นอกจากนี้เขายังยิงประตูแรกของตัวเองในนามทีมชาติได้สำเร็จ ในนัดชิงที่ 3 ที่ทีมชาติ ฮอลแลนด์ เอาชนะเจ้าภาพ บราซิล ไปด้วยสกอร์ 3 - 0   ซึ่งเขาเป็นคนยิงเบิกทางไปในลุกแรก



สถิติการลงสนามระดับสโมสรของ ดาลี่ย์ บรินด์

2008 - 2009 อาแจ็กซ์ (ลงเล่น 6 นัด ยิงได้ 0 ประตู)
2009 - 2010 โกรนิงเก้น (ลงเล่น 19 นัด ยิงได้ 0 ประตู)
2010 - 2014 อาแจ็กซ์ (ลงเล่น 143 นัด ยิงได้ 3 ประตู)















พนันบอลออนไลน์

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ มารูยาน เฟลไลนี่

ประวัติของ มารูยาน เฟลไลนี่




พนันบอลออนไลน์ 


ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อจริง มารูยาน เฟลไลนี่ บากียูย


เกิดวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1987 (อายุ 27 ปี)


สถามที่เกิด เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม


ทีมชาติ เบลเยียม


ส่วนสูง 194 เซนติเมตร


ตำแหน่ง กองกลาง


สโมสรปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ค่าเหนื่อย 80,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 31


เส้นทางการค้าแข้ง


มารูยาน เฟลไลนี่ บากียูย เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1987 เขาเป็นนักเตะชาวเบลเยียม และในปัจจุบันเขาลงเล่นให้กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่กับทีม เอฟเวอร์ตัน มาก่อนด้วย โดยเขาเล่นในตำแหน่ง กองกลาง และ กองกลางตัวรุก ซึ่งเขายังเล่นให้กับทีมชาติ เบลเยียม อีกด้วย เฟลไลนี่ ได้จรดปลายปากกาเซ็นสัญญากับสโมสร เอฟเวอร์ตัน ในช่วงเดดไลน์เดือน กันยายน ค.ศ. 2008 ถือว่าเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวสูงที่สุดในถิ่น กูดิสัน พาร์ค คือจำนวน 12 ล้านปอนด์ โดยการย้ายมาจากทีม สตองดาร์ ลีแอช ด้วยสัญญา 5 ปี ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาตกเป็นเป้าที่น่าสนใจของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส และ แอสตัน วิลล่า โดยสถิติที่เขาเล่นให้กับสโมสรเดิมก็คือ ลงเล่นไป 84 นัด และยิงไป 11 ประตู



พนันบอลออนไลน์ 



ในปี ค.ศ. 2007 เขามีโอกาศได้ติดทีมชาติเป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นเขาก็มีชื่อติดทีมอย่างสม่ำเสมอ เขาเคยได้ไปเตะฟุตบอล โอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่งด้วย ซึ่งเขาถุกไล่ออกในนัดเปิดสนามที่พบกับบราซิล จากกรณีที่เขาโดน 2 ใบเหลือง ในการเล่นที่บ้านเกิด เขาได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาให้เป็นสุดยอดมิดฟิลด์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุฯภาพ และด้วยส่วนสูงราว 6 ฟุต ของเขาก็สามารถช่วยให้ทีมเล่นลูกกลางอากาศได้ดีขึ้น เฟลไลนี่ ทำผลงานได้ถือว่าสุดยอดในฤดุกาลแรกกับ พรีเมียร์ ลีก เขาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลดื และกองหน้าจำเป็นในซีซั่นนั้นเขายิงไปด้ 9 ลูก และยังได้รับการโหวตจากแฟนๆ ให้ได้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรอีกด้วย น้ำหนักเขาลดลงอย่างน่าใจหาย เมื่อเขาได้รับการติดเชื้อไวรัสในช่วงซัเมอร์ แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้กลับมาคืนฟอร์มเก่งได้สำเร็จ เดวิด มอยส์ ถึงกับเอ่ยปากชมว่าเขาเป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในลีก หลังจากที่เขาได้ทำประตูในเกม บ็อกซิ่ง เดย์ กับทีม ซันเดอร์แลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 2009




พนันบอลออนไลน์ 




ต่อมาหลังจากนั้นเขาก็ต้องหายหน้าหายตาไปปจนจบฤดูกาล เมื่อเขาถูก โซติริออส คีร์เกียออส ทำฟาวล์หนักใส่จนเขาได้รับอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า แต่เขาก็พยายามอย่างมากจนฟื้นตัวกลับมาทันในนัดอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล ในเดือนสิงหาคม ที่พบกับทีม เอฟเวอร์ตัน ชิลี แล้วหลังจากนั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บบริเวณ แฮมสตริง แถมยังโดนแบนอีก 3 เกม ทำให้เขาแทบไม่ได้ลงสนามเลย ก่อนที่เขาจะกลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งเมื่อปี 2011 และต้องมาเจ็บข้อเท้าอย่างหนักอีกครั้งในเกมที่พบกับ ซันเดอร์แลนด์ ในเดือนกุมภาพันธ์ และเขาก็ไม่สามารถลงเล่นได้อีกเลยจนจบฤดูกาล เขาได้กลับมาอีกครั้งในฤดูกาลที่ 2011 - 2012 ซึ่งเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 และเขาได้ต่อสัญญากับทีมไปอีก 5 ปี และนั่นจะทำให้เขาอยู่กับสโมสรไปอีกถึงปี 2016 เขายิงประตูได้ในเกมที่พบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในรายการ คาร์ลิ่ง คัพ และในเกมลีกที่เจอกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส



พนันบอลออนไลน์ 



และในช่วงคริสต์มาสทีม เอฟเวอร์ตัน ได้คว้าตัว นิกิช่า เยลาวิช เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระในการทำประตูของเขา เฟลไลนี่ ยังกลับมายิงในอีกในเกมที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-4 และชัยชนะ 4-0 เหนือ ฟูแล่ม ในช่วงเริ่มฤดูกาล 2012 - 2013 เขาเริ่มต้นด้วยการยิงประตูในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะ อมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 จากนั้นเขาก็มาโขกทำประตูในเกมที่เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 อีกด้วย ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขา ทำให้เขาได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมในเดือน สิงหาคม ค.ศ. 2012 ของทีม เอฟเวอร์ตัน และเขาจบซีซั่นนั้นด้วยการเป็นดาวซัลโวของทีมด้วยจำนวน 12 ประตู ซึ่งรวมทุกรายการ นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ของทาง พรีเมียร์ ลีก อีกด้วย ในฤดูกาล 2013 - 2014 ในช่วงเดทไลน์ตลาดซื้อขายนักเตะ เฟลไลนี่ ซึ่งตกเป็นข่าวมาอย่างยาวนานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ย้ายไปร่วมทัพกับทีม "ปีศาจแดง" ด้วยค่าตัว 27.5 ล้านปอนด์ และนั่นทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกที่ เดวิด มอยส์ ซื้อมาร่วมทีมในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด



พนันบอลออนไลน์ 



ในตอนที่ รอน แอตกินสัน ก้าวเท้าเข้ามาสู่ถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด จาก เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในปี ค.ศ. 1981 เขาก็ได้นำนักเตะที่กลายมาเป็นตำนานของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง เรมี่ โมเซส และ ไบรอัน ร็อบสัน มาร่วมทัพด้วย และมันมีข่าวลือที่ว่า เดวิด มอยส์ กำลังจะทำแบบเดียวกัน ด้วยการที่จะคว้าตัว เลห์ตัน เบนส์ และ มารูยาน เฟลไลนี่ มาร่วมทีม ซึ่งเขาบอกว่ามันจะตอบรับในแดนกลางและแนวรับของทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ตลอดการทำศึก พรีเมียร์ ลีก 2 ปีหลัง และแฟนบอลก็รู้ดีว่า เฟลไลนี่ นั้นเป็นนักเตะที่มีความอันตรายแค่ไหน แต่ดาวเตะเบลเยียมรายนี้จะเป็นคนที่ใช่ในทีมชุดนี้หรือเปล่า ? ตามรายงานออกมาว่าค่าฉีกสัญญาของเขาอยู่ที่ 23 ล้านปอนด์ และนั่นมันอาจจะแพงเกินไปสำหรับ เดวิด มอยส์ จะตัดสินใจซื้อตัวเข้ามาเป็นนักเตะคนแรก และนี่ก็คือ 6 เหตุผลที่ว่า เขายืนนิ่งเกินไป



พนันบอลออนไลน์ 



ทางด้านทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มี ไมเคิล คาร์ริค ยืนเป็นตัวหลักในแผงมิดฟิลด์อยู่แล้ว ด้วยทักษะการจ่ายบอล และเทคนิคที่ดี เฟลไลนี่ นั้นต้องลงไปร่วมเล่นกับเขาโดยต้องคอยเป็นตัววิ่ง แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง และเป็นคู่ต่อสู้ที่เล่นด้วยยาก แถมยังเกมบอลจังหวะสองได้ดี แต่เฟลไลนี่ก็ยังขาดการเคลื่อนที่ที่ว่องไว ซึ่งนั่นมันควรจะเป็นคุณสมบัติหลักเลย ในการที่จะมายืนเป็นกองกลางร่วมกับ ไมเคิล คาร์ริค ในตอนนี้แผงมิดฟิลด์ของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังขาดความเร็ว เห็นได้ชัดเลยว่าเกมที่ คาร์ริค กับ พอล สโคลส์ ยืนคู่กันเมื่อซีซั่นที่แล้วมันไม่ค่อยลงตัวซักเท่าไหร่ และนั่นคือเหตุผลที่ว่า อันแดร์สัน กับ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ จึงถูกเลือกใช้งานบ่อยครั้ง เพราะทั้งคู่สามารถลงไปชดเชยความเร็วที่คาร์ริคไม่มีได้นั่นเอง ด้วยการเชื่อมเกมไปยังแดนหน้า พร้อมกับการลงมาช่วยเกมรับในการถูกสวนกลับเร็วได้ เขาสามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี และนั่นจะสร้างประโยชน์ให้ทีมได้พอสมควร แต่เขาก็ยังเชื่องช้าเกินไป ซึ่งเห็นชัดว่ายังไม่ตอบโจทย์การขับเคลื่อนเกม ในแผงมิดฟิลด์ของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด



ความสารพัดประโยชน์อันหลอกลวง นับตั้งแต่ที่เขาได้ย้ายมาเล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี ค.ศ. 2008 ดาวเตะชาวเบลเยียมก็ได้ลงเล่นไปหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นมิดฟิลด์แดนหน้า และมิดฟิลด์แดนรับ แต่ความสารพัดประโยชน์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริงเลย แม้ว่านักเตะที่มีคุณสมบัติหลากหลายแบบนี้จะดีสำหรับทีม แต่ไม่ว่าเฟลไลนี่เขาจะลงเล่นในตำแหน่งไหนเขาก็ยังเล่นแบบเดิม คอยครองบอล คอยตัดเกม ซึ่งบทบาทของเขาอาจจะสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากด้วยแทคติกของทีม เอฟเวอร์ตัน แต่ไม่ใช่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเขาอาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้ มอยส์ มีตัวเลือกอื่นๆในทีมให้ใช้อยู่แล้ว เนื่องจากการที่เขาขาดความเร็ว เฟลไลนี่ อาจจะต้องเล่นด้วยความโดเดี่ยว และไม่ได้มีตำแหน่งใน 11 ตัวจริงของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เนื่องจากเขาไม่สามารถปรับตัวกับสไตล์การเล่นของทีมใหม่ได้ และเขามักจะออกท่าทางด้วยการชักศอกอยู่บ่อยครั้ง ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เขาสะสมใบเหลืองไปแล้ว 36 ใบ รวถึงใบแดงอีก 1 ใบ และนี่คือข้อเสียของ มารูยาน เฟลไลนี่ บ่อยครั้งที่เขาขึ้นแย่งบอลในลูกกลางอากาศ เขามักจะกลางศอกออกมาด้วย มันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่คุณจะมองว่าเขา เป็นนักเตะที่เล่นสกปรกที่สุดใน พรีเมียร์ ลีก

















พนันบอลออนไลน์ 

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ แอดนาน ยานูซาย

ประวัติของ แอดนาน ยานูซาย




พนันบอลออนไลน์





ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อจริง แอดนาน ยานูซาย


เกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1995 (อายุ 20 ปี)


สถานที่เกิด เมืองบัรสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม


ทีมชาติ เบลเยี่ยม


ส่วนสูง 182 เซนติเมตร


เท้าที่ถนัด เท้าซ้าย


ตำแหน่ง ปีก


สโมสรปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 11


ประวัติการเป็นนักฟุตบอล


แอดนาน ยานูซาย เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ในปี ค.ศ. 1995 เขาเป็นนักเตะชาวเบลเยียม ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งปีกให้กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2011 ตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 16 ปี ยานูซายเขาได้เติบโตในเมือง บัสเซลส์ โดยพ่อและแม่ของเขาเป็นชาว คอซอวอ-แอลเบเนีย ในขณะที่เขาอายุได้ 10 ขวบ เขาได้เซ็นสัญญากับทีม อันเดอร์เลคต์ ซึ่งเป็นสโมสรในลีกเบลเยียม และหลังจากนั้นเขาได้ย้ายมาร่วมทัพกับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือน มีนาคมเมื่อปี ค.ศ. 2011 ด้วยวัยเพียง 16 ปีจากการโชว์ฟอร์มได้อย่างโดเด่นกับทีม อันเดอร์เลคต์ เมื่อในช่วงท้ายฤดูกาล 2012-2013 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ให้เขามีชื่อติดในผู้เล่นชุดใหญ่ โดยที่เขาได้สวมเสื้อหมายเลข 44 แต่เขาก็ไ่สามารถรู้อนาคตของตัวเองอีกต่อไป เมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ ประกาศวางมือจากการเป็นโค้ชของทีม แมนฯยูไนเต็ด ในนัดสุดท้ายที่พบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ยานูซาย เขาเคยได้รับรางวัลนักฟุตบอลชุดสำรองยอดเยี่ยมแห่งปีในซีซั่นที่ 2013 ในตอนนั้นเขาอายุได้ 18 ปี เขาได้ลงไปสัมผัสเกมกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในนัดกระชับมิตรก่อนเปิดฤดูกาล 2013-2014 เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุด และยังสามารถทำประตูได้อีกด้วย ยานูซายได้ลงเล่นในการแข่งขันที่เป็นระลึกของ ริโอ เฟอร์ดินาน ซึ่งในนัดนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายให้กับทีม เซบีญ่า ไป 3-1


พนันบอลออนไลน์


แอดนาน ยานูซาย ดาวเตะหนุ่มชาวเบลเยียมที่ย้ายมาจากทีม อันเดอร์เลชท์ ซึ่งในสโมสรเก่าของเขานั้นเขาได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก หลังจากโชว์ทักษะการเล่นอันยอดเยี่มที่บรัสเซลส์ นักเตะจอมสร้างสรรค์เกมผู้นนี้ ย้ายมาเล่นในสีเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยความหวังที่สูงมากและเมื่อเราได้เคลียเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยในการย้ายมาของเขา จนสามารถลงเล่นได้ และเขาก็ไม่ทำให้ทีมต้นสังกัดต้องผิดหวัง ด้วยการที่เขาแสดงฝีเท้าอย่างเต็มที่ เขามีสไตล์การเล่นในแบบบุกขึ้นไปข้างหน้า และมักจะมองหาเพื่อนร่วมทีมเพื่อที่จะจ่ายบอลให้อยู่เสมอ หลังจากนั้นเขาก็กลายมาเป็นตัวหลักในทีมของ พอล แม็คกินเนสส์ ทันที หลังจากที่เขาสามารถยิงประตูแรกของตัวเองได้ในเกมที่พบกับ ครูว์ อเล็กซานดร้า ถึงอย่างไรก็ตาม อาการเจ็บอย่างหนักก็ทำให้ฤดูกาลนั้นของเขาได้จบลง และเขาก็ไม่สามารถมีส่วนร่วมกับทีม ในรายการ เอฟเอ ยูธ คัพแต่อย่างน้อยเขาก็ยังได้ลงเล่นทันในนัดสุดท้ายกับทีมชุดสำรอง



พนันบอลออนไลน์


และในเกม แมนเชสเตอร์ ซีเนียร์ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม และทุกคนยังเชื่อว่าเขาจะขึ้นมาเป็นกำลงสำคัญของทีมได้แน่ในฤดูกาลต่อไป เมื่อเขากลับมาฟิตได้อย่างสมบูรณ์เต็มที่เหมือนเดิม และหลังจากที่เขาได้มีบทบาทในชุด ยู-21 อย่างสม่ำเสมอ เขาเองก็ได้รับคำชื่นชมจากทั้ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ วาร์เรน จอยซ์ เป็นผลตอบแทนจากการมุมานะของดาวเตะรายนี้ เซอร์ อเล็กซ์ ได้ออกมากล่าวชมเขาว่า "แอดนานเป็นนักเตะที่ลงเล่นได้คงเส้นคงวามาก" "เขาเพิ่งจะอายุ 18 เท่านั้นเอง และยังสามารถพัฒนาไปกว่านี้อีกได้มาก เขามีทั้งการทรงตัวที่ดี มีความเร็ว ความกล้าในการที่จะพาบอลไป และเป็นนักเตะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคนิค เขากับ นิค พาวล์ คือนักเตะอายุน้อยที่อยู่ในอันดับต้นๆของเรา" เขาทำผลงานได้ดีมากกับการลงเล่นในตำแหน่งกองกลาง เขาสามารถเล่นลูกนิ่งได้อย่างช่ำชอง และเมื่อเขาต้องถูกจับโยกให้ออกไปเล่นด้านข้าง เขาก็สามารถเปิดบอลโค้งได้ดีเหมาะกับผู้เล่นปีกที่ต้องทำด้วย


พนันบอลออนไลน์


ยานูซาย กลายเป็นดาวเด่นของทีมไปในเดือน มกราคม ค.ศ. 2014 โดยเขาได้รับรางวัลฉลองสำหรับวันเกิดล่วงหน้าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั่วโลกโหวตให้เขาได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมในเดือนนี้ ดาวเตะที่เกิดในเบลเยียมได้มีอายุครบ 19 ปีเมื่อวานนี้ ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจจากการลงเล่น 7 เกม ในเดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาได้รับการโหวตสูงถึง 75 เปอร์เซน จากแฟนบอลทาง ManUtd.com และเว็บไซต์สโมสรอีก 6 ภาษา เอาชนะผู้ท้าชิงอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ก และ คริส สมอลลิ่ง ไปได้อย่างขาดลอย หลังจากที่เขาได้รับรางวัลแล้ว เขาก็ได้รับเช็คเงินสดอีก 500 ปอนด์ เพื่อนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิที่เขาต้องการ (แอดนาน ได้เลือกมอบให้กับ ยูไนเต็ดฟอร์ยูนิเซฟ) เขาได้ออกมาพูดถึงความรู้สึกที่เขาได้รับรางวัลนี้ และเขาก็คงจะรู้แล้วว่าแฟนบอลปลื้มเขาขนาดไหน "ผมต้องขอกล่าวขอบคุณไปยังแฟนๆ เพื่อนร่วมทีม และโค้ชของผม" เขาได้กล่าวผ่านทาง ManUtd.com "ผมรู้สึกดีใจมากกับการได้รับรางวัลนี้ และผมก็ยังเชื่อว่ามันจะไม่ใช่รางวัลสุดท้าย ผมหวังว่าจะมีอะไรดีๆแบบนี้เข้ามาอีกในอนาคต"




พนันบอลออนไลน์



แฟนบอลบอลทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั่วโลกพร้อมใจกันโหวตให้ แอดนาน ยานูซาย ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งเดือนเป็นครั้งที่ 3 ของฤดูกาล ถือว่าเป็นฤดูกาลเปิดตัวที่น่าประทับใจมากของดาวเตะวัย 19 ปี ของชาวเบลเยียมรายนนี้ ยานูซาย ได้ลงเล่นในเดือน พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ไป 3 เกม โดยเขาทำผลงานได้ดีในนัดที่พบกับทีม ซันเดอร์แลนด์ ก่อนที่เขาจะมาโชว์ฟอร์มได้โดเด่นอีกครั้ง ในนัดที่พบกับทีม ฮัลล์ ซิตี้ ซึ่งนั่นทำให้เขาได้รับคำชมจาก ไรอั้น กิ๊กส์ ผู้จัดการทีมชั่วคราว ส่วนเกมสุดท้ายเขาก็ได้ดวลกับ ลุค ชอว์ กับทีมเซาท์แธมป์ตัน แอดนาน ได้รับเสียงโหวต 35 เปอร์เซน ผ่านทางเว็บไซต์ ManUtd.com และเว็บไซต์เวอร์ชั่นอื่นๆอีก 6 ภาษา เอาชนะไปทั้ง ฮวน มาต้า และ เนมันย่า วิดิช ที่ถูกเสนอชื่อเข้ามา ความสำเร็จดังกล่าวในฤดูกาลนี้ของ ยานูซาย ทำให้เขาได้ทำสถิติเทียบเท่ากับ เวย์น รูนี่ย์ ที่คว้ารางวัลนี้ได้ 3 ครั้งเช่นเดียวกันในฤดูกาลที่ 2013-2014 โดยนำหน้า มาต้า ที่ได้รางวัลนี้ไป 2 ครั้ง ในขณะที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี  และ ดาวิด เด เคอา ได้ไปคนละครั้ง




พนันบอลออนไลน์


สัมภาษณ์ ยานูซาย ที่สนามซ้อม


แอดนาน ยานูซาย ดาวรุ่งของทีมแมนฯยู ได้พูดคุยเกี่ยวกับชีวิตเบื้องหลังที่ เอออน เทรนนิ่ง คอมเพล็กซ์


ช่วงไหนของการฝึกที่คุณชอบที่สุด ?
: การฝึกยืนตำแหน่งและการจำลองแมตช์ครับ

ส่วนไหนของการฝึกซ้อมที่คุณต้องฝึกซ้อมเป็นพิเศษ ?
: ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตำแหน่งมิดฟิลด์และผู้เล่นปีกครับ ตัวผมจะใส่ใจกับส่วนเกมรุกมากเป็นพิเศษ

คุณได้ออกกำลังกายแบบไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าในยิม ?
: ผมทำงานหนักมาในยิม ผมจะพยายามวิ่งให้เร็วขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น ผมจะได้ดูน่าเกรงขามเมื่อลงไปยืนอยู่ในสนาม ผมฝึกซ้อมเผื่อที่จะให้เวลาผมพาบอลหนีกองหลัง จะได้ทำให้อยู่ห่างพวกเขาออกไปอีกซักเมตร ด้วยการเร่งความเร็วของผม

ใครที่เป็นฮีโร่ที่ไม่ถูกพูดถึงในสนามซ้อม สต๊าฟฟ์คนที่ทำให้ทุกวันของคุณมีความสุข ? 
: ผมก็คิดว่าทุกคนอะแหละ ทุกคนเป็นมิตรมาก ถ้าคนแรกสำหรับผมเลยก็คงจะเป็นพ่อของผมเอง แต่สต๊าฟฟ์ทุกคนในสโมสรก็ยอดเยี่ยมกับผมมาก ผมต้องขอขอบคุณพวกเขาด้วย รวมถึงแฟนๆ เช่นเดียวกันครับ เพราะผมรู้สึกว่าทุกคนให้การสนันสนุนผมเป็นอย่างมาก

ประตูที่สวยที่สุดที่คุณเคยเห็นในสนามซ้อม ? 
: ผมขอเลือกประตูจาก วาซซ่า (เวย์น รูนี่ย์) ผมจำไม่ได้แน่นอน แต่ที่แน่ๆ ฤดูกาลนี้เขาได้ยิงประตูสุดสวยให้ผมเห็นมาแล้ว

ประตูที่สวยที่สุดที่คุณเคยยิงในสนามซ้อม ? 
: เป็นลูกยิงไกลระยะ 22 เมตร ในตอนที่เราแบ่งทีมเล่นกันฝั่งละ 11 คน

สิ่งแรกที่คุณทำหลังเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม ?
: ทานอาหารที่เหมาะสม ผมคิดว่าการทานอาหารที่เหมาะสมหลังซ้อมเสร็จนั้น มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ

สิ่งอำนวยความสะดวกที่ เอออน เทรนนิ่ง คอมเพล็กซ์ เป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับสโมสรก่อนหน้านนี้ของคุณ รวมถึงกับทีมชาติเบลเยียม ? 
: ผมว่ามันเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่สุดยอด และมันก็ง่ายสำหรับการทำงานที่นี่ ทุกคนดูแลเราเป็นอย่างดี เขามีความเป็นมิตร และมีความเป็นมืออาชีพสูง

สุดท้าย หากให้คุณเลือกทีมแบบฝั่งละ 5 คน คุณจะเลือกใครมาเล่นด้วยในทีมของคุณ ? 
: ผมไม่ต้องการผู้รักษาประตู ผมจะเลือกเป็น เวย์น รูนี่ย์ ,ฟาน เพอร์ซี่ ,ดิ มาเรีย อีกคนไม่ ฟัลเกา ก็เป็น มาต้า










พนันบอลออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ ดิดิเย่ ดร็อกบา

ประวัติของ ดิดิเย่ ดร็อกบา




พนันบอลออนไลน์




ข้อมูลนักเตะ


ชื่อเต็ม ดิดิเย่ อีฟว์ ดร็อกบา เตบิลี


เกิดวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 (37 ปี)


สถานที่เกิด เมืองอาบีจาน ประเทศโกตดิวัวร์


ส่วนสูง 189 เซนติเมตร


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


ตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้า


สโมสรปัจจุบัน เชลซี



ประวัติของนักเตะ


ดิดิเย่ อีฟว์ ดร็อกบา เตบิลี เขาได้เกิดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 ที่เมืองอาบีจาน ประเทศโกตดิวัวร์ (ไอวอรี่โคสต์) เป็นนักฟุตบอลของสโมสรเชลซีในศึกลูกหนัง พรีเมียร์ลีก แห่งเกาะอังกฤษ เขาเคยเป็นกัปตันทีมชาติไอวอรีโคสต์แล้วยังได้ทำสถิติยิงประตูสูงสุดในทีมชาติ โดยเขายิงไปทั้งหมด 65 ประตู รวมไปถึงเขายังได้รางวัลดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ 2006-2007 ด้วยจำนวน 20 ประตู (เขายิงไป 33 ประตูถ้านับรวมทุกรายการ) และได้เป็นนักเตะดาวยิงสูงสุดของศึกพรีเมียร์ลีกอีกครั้งเมื่อฤดูกาลที่ 2009-2010 ด้วยการที่เขาซัดไปถึง 29 ประตู

พนันบอลออนไลน์

ดร็อกบา เริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลอาชีพโดยเริ่มจากการเล่นมนลีก ดิวิชั่น 2 ของฝรั่งเศส ซึ่งในตอนนั้นเขาได้เล่นให้กับทีมเลอม็อง ก่อนที่จะย้ายขึ้นมาเล่นใน ดิวิชั่น 1 กับทีม ก็องแก็ง และหลังจากนั้น โอลิมปิก มาร์กเซย์ ก็ได้ดึงตัวเขาไปร่วมทัพด้วยดร็อกบาเขาก็ไม่ทำให้ต้นสังกัดผิดหวังซึ่งเขาทำประตูไปได้ 18 ประตู จากการลงเล่น 35 นัดในลีก และยิ่งไปกว่านั้นเขายังยิงได้ในถ้วย ยูฟ่า คัพ อีกถึง 6 ประตู ทำให้ยอดกุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เล็งเขาไว้เป็นตัวหลักในการเปิดตลาดซื้อขายนักเตะในปีนั้น และในที่สุดก็ได้ดึงตัวดร็อกบามาร่วมทัพได้สำเร็จ

ดิดิเย่ ดร็อกบา เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชาติครั้งแรกเมื่อปี 2002 เขาได้พาทีมชาติ ไอวอรี่โคสต์ เขาไปเล่นในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเมื่อปี 2006 ในฐานะกัปตันทีมและต่อด้วยครั้งที่ 2 ในปี 2010 ถึงแม้ดร็อกบาจะทำประตูได้ทั้ง 2 ครั้ง แต่ทีมชาติของเขาก็ไม่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้เลย และในการแข่งขันระดับทวีปไอวอรีโคสต์ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จได้เท่าที่ควร โดยแพ้อียิปต์ในการดวลจุดโทษในนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2006 และทำได้เพียงแค่อันดับที่ 4 ในปี 2008 ที่กาน่า และก็ตกรอบสุดท้ายเมื่อปี 2010

พนันบอลออนไลน์


ดร็อกบา เป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ทำประตูได้ในสนาม นิว เวมบลีย์ จากการที่เขาสามารถยิงให้ทีมเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ดไปด้วยสกอร์ 1-0 ดร็อกบาได้ย้ายมาจากสโมสร โอลิมปิก มาร์กเซย์ มาร่วมกับทีมเชลซีในช่วงปลายปี 2004 ถึงแม้อาการบาดเจ็บจะรบกวนเขาอยู่บ่อยครั้งในฤดูกาลแรกแต่ดร็อกบาเขาก็ยังสมารถยิงไปได้ถึง 16 ประตู รวมทุกรายการและหนึ่งในนั้นเป็นประตูในนัดชิงชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ


ฤดูกาลที่ 2005-2006 ดรอกบาเขายิงไปได้ 16 ประตูอีกครั้ง โดยใน 12 ประตูนั้น เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกและช่วยให้เชลซีป้องกันแชมป์ไว้ได้ ซึ่งก่อนที่เชลซีจะป้องกันแชมป์ได้นั้น ดรอกบาถูกกล่าวหาอย่างหนักจากการพุ่งล้มจากสองเกมและปัญหาที่เขาใช้มือเล่นบอล แต่เขาก็สามารถสยบเสียงวิจารณ์ลงได้ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในเกมที่เจอกับสโมสร เวสแฮม ยูไนเต็ด เมื่อเดือน มีนาคม ปี 2006 ซึ่งในตอนนั้นเชลซีตกอยู่ในสถานะการณ์เป็นรองตามหลังอยู่ทั้งสกอร์และตัวผู้เล่น แต่ก็ยังสามารถพลิกกับมาเอาชนะได้ 4-1



พนันบอลออนไลน์


และในซีซั่นต่อมา ดร็อกบาเขาก็สามารถทำไปได้ถึง 33 ประตู ซึ่งเป็นการซัดประตูในพรีเมียร์ลีกไป 20 ลูก ทำให้เขาได้คว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีกไปครอง และดร็อกบายังสร้างสถิติลงสนามากที่สุดในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลเดียวที่ 60 นัด มากเป็นอันดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร เขาจบด้วยการยิงประตูแรกของสโมสรในสนาม นิว เวมบลีย์ ให้ทีมสิงโตนำเงินครามเชลซีเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ปี 2007


ฤดูกาลที่ 2007-2008 ดร็อกบา เขาโดนอาการบาดเจ็บที่หัวเข่ารบกวน และต้องลงแข่งในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติในแอฟริกา ทำให้เขาจบซีซั่นนั้นด้วยการที่เขาทำได้เพียง 15 ประตู หนึ่งในนั้นคือการยิง สเปอส์ที่สนาม นิว เวมบลีย์ ในนัดชิงชนะเลิศ คาร์ลิงคัพ ที่เชลซีแพ้ไป ดร็อกบาเขายิงลิเวอร์พูลได้ถึง 2 ลูก ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ รอบรองชนะเลิศ และจบทัวร์นาเมนต์ลงไปด้วยการที่เขาโดนใบแดงในนัดชิงชนะเลิศที่แพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปีนั้น


ฤดูกาลที่ 2008-2009 การมาของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเขาคนนี้ หลุยส์ เฟลิเป้ สโกลารี่ มาพร้อมกับความคาดหวังที่จะให้เกมรุกของเชลซีมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น แต่ดรอกบาก็ยังมีปัญหากับอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยๆทำให้เขาเล่นไม่ได้อย่างที่เคย แม้เขาจะยิงประตูทีม เบิร์นลี่ ได้ในถ้วยคาร์ลิ่งคัพ เขากลับโดนแบนห้ามไม่ให้ลงเล่นอีกถึง 3 นัด จากการที่เขาแสดงท่าดีใจหลังยิงเข้าอย่างไม่เหมาะสม และเมื่อ กุส ฮิสดิงค์ เข้ามาคุมทีมตั้งแต่กลางเดือน กุมภาพันธ์ ดร็อกบาเขาก็ได้เรียกฟอร์มเก่งกลับมาอีกครั้งด้วยการทำประตูให้กับทีมในนัดสำคัญหลายนัด แต่ก็ต้องมาพบกับเหตุการณ์พลิกผลันอีกครั้งในเกมแชมเปี้ยนลีกส์รอบรองชนะเลิศที่พบกับทีม บาร์เซโลน่า หลังจากที่เชลซีตกรอบด้วยประตูในช่วงทดเวลาของ อินเนสต้า ดร็อกบาเขาไม่พอใจคำตัดสินของ ทอม เฮนดิง โอเฟรโบ ทำให้โดนลงโทษห้ามแข่ง 3 นัดในฤดูกาลหน้า และในนัดชิง เอฟเอ คัพ ในปีนั้น ดร็อกบาได้ทำประตูตีเสมอเอฟเวอร์ตัน ซึ่งเป็นประตูที่ 4 ของเขาในสนาม นิวเวมบลีย์ จาก 4 เกมที่เขาเคยลงเล่นที่นี่


พนันบอลออนไลน์


ฤดูกาลที่ 2009-2010 เขาได้เหมาคนเดียว 2 ประตูในนัดเปิดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกปี 2009-2010 นั่นถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่า ดร็อกบา เขาได้รักษาฟอร์มการเล่นที่ดีในช่วงท้ายซีซั่นที่แล้วไว้ได้ คาร์โล อันเชล็อตติ ได้วางเทคติกโดยให้ ดร็อกบา และ อเนลก้า ยืนหน้าคู่กัน และนั่นทำให้เขาซัดประตูไป 18 ประตูจาก 21 เกม ในช่วงคริสต์มาส และจบฤดูกาลด้วยการยิงไปทั้งหมด 37 นัด รวมไปทุกรายการ ช่วยให้เชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและ ดร็อกบาก็ได้คว้ารางวัลรองเท้าทองคำในซีซั่นนั้นไปครอง ประตูชัยของเขาใน เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ยังช่วยให้ในซีซั่นนั้นทีมสิงโตน้ำเงินครามเชลซีได้คว้า ดับเบิ้ลแชมป์ ฟุตบอลลีกและถ้วยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และดร็อกบายังถูกโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีจากแฟนบอลอีกด้วย


และในปี 2012 เชลซีได้ผ่านเข้าไปในนัดชิงของรายการใหญ่ของยุโรป ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ นัดชิงชนะเลิศซึ่งได้พบกับทีม บาเยิร์น มิวนิก โดยเขาได้สวมบทเป็นฮีโร่ โขกทำประตูในนาทีที่ 88 และประตูนั้นช่วยให้เชลซีตีเสมอ บาเยิร์น ได้เป็น 1-1 และก็ได้เลยไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ทั้งสองทีมก็ทำอะไรกันไม่ได้ จึงต้องมาตัดสินกันในการดวลลูกจุดโทษ และเขาได้ยิงเป็นคนสุดท้ายทำให้เชลซีเอาชนะไปได้ 4-3 และนั่นทำให้เชลซีได้คว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ มาครองได้สำเร็จและนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้ก่อตั้งสโมสรมา โดยที่ ดร็อกบา ก็ถูกโหวตให้เป็น ยูฟ่า แมนออฟ เดอะ แมตช์ ในกาลแข่งขันฤดูกาลที่ 2011-2012


พนันบอลออนไลน์


เกียรติประวัติ


เชลซี

แชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 4 ครั้ง : 2005,2006,2010,2015
แชมป์เอฟเอคัพ 4 ครั้ง : 2007,2009,2010,2012
แชมป์ลีกคัพ 3 ครั้ง : 2005,2007,2015
แชมป์คอมมิวนิตี้ชิลด์ 2 ครั้ง : 2005,2009
แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ 1 ครั้ง : 2012


กาลาตาซาราย

ตุรกี ซุปเปอร์ลีก 1 ครั้ง : 2013
เตอร์กิช ซุปเปอร์ คัพ 1 ครั้ง : 2013
เตอร์กิช คัพ 1 ครั้ง : 2014

ส่วนตัว

นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกเอิง ฝรั่งเศส 1 ครั้ง : 2004
นักฟุตบอลแอฟริกันยอดเยี่ยมแห่งปี 2 ครั้ง : 2006,2009
ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทีมชาติไอวอรีโคสต์ 3 ครั้ง : 2006,2007,2012
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรเชลซี 1 ครั้ง : 2010
รองเท้าทองคำ (พรีเมียร์ลีก) 2 ครั้ง : 2007,2010
ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของซุปเปอร์ ลีก ตุรกี 1 ครั้ง : 2013







พนันบอลออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ ดิเอโก้ คอสต้า

ประวัติของ ดิเอโก้ คอสต้า






พนันบอลออนไลน์




ข้อมูลผู้เล่น


ชื่อเต็ม ดิเอโก้ ซิลวา คอสต้า


เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1988 (อายุ 26 ปี)


เกิดที่ เมืองลาร์กาโต้ ประเทศบราซิล


ส่วนสูง 188 เซนติเมตร


ตำแหน่ง กองหน้า


สโมสรปัจจุบัน เชลซี


หมายเลขเสื้อ 19


ประวัตินักเตะ


ดิเอโก้ คอสต้า เขาได้เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลามคม ค.ศ. 1988 และได้เติบโตในเมืองลาร์กาโน่ประเทศบราซิล โดยเขาเริ่มเล่นบอลครั้งแรกกับทีม บาร์เซโลน่า เอสปอร์ติโว กาเปล่า ทีมจากเมืองเซาเปาโล จนกระทั่งเขาอายุได้ 16 ปี ซึ่งชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาเริ่มต้นขึ้น ด้วยการผจญภัยในประเทศโปรตุเกส เมื่อเขาได้เซ็นสัญญากับทีม เอสซี บราก้า ในเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2006 คอสต้าได้เริ่มต้นชีวิตนักฟุตตบอลอาชีพของเขากับ บราก้า และ เอฟซี เบนาฟิล ในโปรตุเกส และต่อมาได้เซ็นสัญญากับทีม ตราหมี แอตแลนติโก มาดริด เมื่อปี ค.ศ. 2007 และบราก้า ก็ได้ยืมตัวกลับมาชั่วคราว หลังจากนั้นเขาก็ถูกยืมตัวให้ไปอยู่กับสโมสร เซลต้าและ อัลบาเซเต ก่อนที่เขาจะถูกขายให้กับทีม บายาโดริด ในปี ค.ศ. 2009 คอสต้า ได้กลับมายังสโมสร แอตแลนติโก มาดริด และได้กลายเป็นกำลังหลักของทีม เขายิงประตูในลีกได้ 27 ประตู และทำให้ทีม ตราหมี คว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน ในปี ค.ศ. 2014 มาครองได้สำเร็จ และหลังจากจบซีซั่นนั้นเขาก็ได้ย้ายไปยังถิ่น สแตม ฟอร์ด บริดจ์ ร่วมทัพกับทีมเชลซี ด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์



พนันบอลออนไลน์


ในช่วงต้นฤดูกาล 2007-2008 ดิเอโก้ คอสต้า เขาได้ถูกปล่อยตัวไปให้กับทีม เซลต้า วีโก้ ด้วยสัญญาการยืมตัว และเขาได้ทำสถิติลงเล่นให้กับทีม เซลต้า วีโก้ ไปทั้งหมด 30 นัด และยิงได้ 5 ประตู และหลังจากนั้นในฤดูกาล 2008-2009 เขาก็ถูกปล่อยตัวให้กับทีม อัลบาเซเต ยืมตัวไปอีกที โดยในครั้งนี้ คอสต้า ลงสนามไป 35 นัด และซัดไปทั้งหมด 9 ประตู


ต่อมาในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 ดิเอโก้ คอสต้า ถูกขายไปให้กับทีม เรอัล บายาโดลิด โดยเป็ยส่วนหนึ่งของกาแถมไปกับการซื้อตัวผู้รักษาประตู เซอร์จิโอ อาเซนโก้ ซึ่งีออฟชั่นคือซื้อตัวกลับได้หลังจบฤดูกาล และในฤดูกาล 2009-2010 เขาได้ลงเล่นให้กับทีม บายาโดลิดไป 34 นัด และยิงได้ 7 ประตู และต่อมาในช่วงต้นเดือน มิถุยนายน ค.ศ. 2010 คอสต้า ได้กลับมมาคืนสู่ถิ่น ตราหมีอีกครั้ง โดยมาเป็นกองหน้าสำรองของ กุน อาเกวโร่ และ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน แต่ทว่าด้วยเหตุจากอาการบาดเจ็บของ อาเกวโร่ เลยทำให้เขามีโอกาศได้ลงเล่นในช่วงใกล้จบซีซั่น ดิเอโก้ คอสต้า มีสถิติในการลงเล่นให้กับ แอตแลนติโก มาดริดไป 39 นัด และยิงได้ 8 ประตู ถ้ารวมในทุกรายการในฤดูกาล 2011-2012 คอสต้าถูกปล่อยตัวให้ ราโย่ เบเนกาโน่ ไปใช้งาน ซึ่งเขาได้ลงเล่นไปทั้งหมด 16 นัด และซัดไปได้ 9 ประตู หลังจากนั้นในฤดูกาล 2012-2013 คอสต้า ได้กลับมาลงเล่นให้กับทีม แอตแลนติโก มาดริด อีกครั้ง และการกลับมาครั้งนี้เขาได้กลายเป็นตัวหลักของทีม โดยเขาลงเล่นไปทั้งหมด 44 นัด และยิงประตูไปได้ 20 ประตู



พนันบอลออนไลน์


และล่าสุดในปี 2013-2014 มันคือจุดพีคของดาวเตะหน้าแก่คนนี้ ดิเอโก้ คอสต้า เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ให้กับทีม แอตแลนติโก มาดริด โดยถลุงประตูไปแล้วถึง 13 ลูก จากก่รลงสนาม 13 นัด ให้กับทีมตราหมี โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ลิเวอร์พูลสนใจที่จะดึงตัวเขาไปร่วมทีม ด้วยค่าตัวราว 25 ล้านปอนด์ (ประมาน 1,000 ล้านบาท) แต่ คอสต้า เขาก็ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญาอยู่กับทีมตราหมีต่อภึงปี 2018


สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ เตรียมตัวหาซื้อนักเตะหน้าใหม่มาเสริมทัพในตลาดนักเตะฤดูร้อนนี้ หลัง ดิเอโก้ คอสต้า กองหน้าชาวสแปนิชเชื้อสายบราซิลเลียน ได้ผ่านการตรวจร่างกสายเรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าตัวประมาน 32 ล้านปอนด์ (ราว 1.6 พันล้านบาท) จอมล่าตาข่ายวัย 25 ปี เดินทางมาตรวจร่างกายที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ แหล่งสายข่าวรายงานว่า กุนซือฝีปากกล้า โชเซ่ มูรินโญ่ เข้าใกล้การเซ็นสัญญา กับหัวหอกตัวเก่งจาก แอตแลนติโกมาดริดต็มทีแล้ว หลังจากได้ตรวจร่างกายผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พนันบอลออนไลน์

โดย คอสต้า ซึ่งเขาถือกำเนิดที่ประเทศบราซิล แต่เป็น 1 ใน 23 ขุนพล ของทีม กระทิงดุ ลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่บ้านเกิด ในช่วงระหว่างวันที่ 12 มิถายน - 13 กรกฎาคม นี้ เขามีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ แฮมสติง (ต้นขาด้านหลัง) ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ กับ เรอัลาดริด เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม แต่เขาก็เร่งฟิตทันบินลดฟ้าสู่แดน "แซมบา" การมาของอดีตผู้เล่น เรียล บายาโดลิด ทำให้สั่นคลอนอนาคตของ เฟร์นันโด ตอเรส กองหน้าเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะกลับไปเล่น ใน ลาลีกา สเปน  กับทีม บาเลนเซีย หลังจาก ปีเตอร์ ลิม มหาเศรษฐี ชาวสิงคโปร์ พร้อมทุ่มเงินสร้างทีมค้างคาว แม้จะวืดไม่ได้ไปเตะในถ้วยยุโรปก็ตาม เช่นเดียวกับ เดม บาบา ที่ตกเป็นเป้าหมายของทีม เบซิคตัส ส่วน ซามูเอล เอโต้ หมดสัญญาไปแล้ว


พนันบอลออนไลน์


ทีมชาติ

ในระดับทีมชาติ คอสต้าเล่นให้กับ บราซิล ในปี ค.ศ. 2013 และต่อมาได้เล่นให้กับทีมชาติสเปน แล้วด้ประกาศว่าเขาคือสัญชาติสเปนในเดือน กันยายน ค.ศ. 2013 เขาลงเล่นครั้งแรกให้กับทีมชาติสเปนในเดือน มีนาคม ค.ศ. 2014 และในช่วงซัมเมอร์ของปี 2006 คอสต้า ถูกเรียกตัวให้ติดทีมชาติบราซิล โดย หลุยส์ เฟลิปเป้ สโกราลี่ ในนัดอุ่นเครื่องกับ อิตาลี และ รัสเซีย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2013 โดยเขาได้ลงสนามครั้งแรกในนัดที่เสมอ อิตาลี 2-2 ในฐานะตัวสำรอง แต่เมื่อเดือน กันยายน ที่ผ่านมา สมาคมฟุตบอลของสเปนได้ยื่นข้อเสนอต่อฟีฟ่าให้เขาโอนสัญชาติมาเตะให้กับทีมชาติสเปนอย่างเป็นทางการ


พนันบอลออนไลน์


เกียรติประวัติ


สโมสร 


แอตแลนติโก มาดริด

แชมป์ลาลีกา 2013-2014
ยูฟ่าคัพ 2010,2012
โกปา เดล เลย์ 2012-2013
ซุเปร์โกปาเดเอสปาญา รองชนะเลิศ 2013


เชลซี

แชมป์พรีเมียร์ลีก 2014-2015
ลีกคัพ 2014-2015


ส่วนตัว

โกปา เดล เรย์ ดาวซัลโวสูงสุด 2012-2013







พนันบอลออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ หลุส์ ฟิโก้

ประวัติของ หลุส์ ฟิโก้



พนันบอลออนไลน์ 



ข้อมูลส่วนตัวผู้เล่น


ชื่อเต็ม หลุยส์ เฟลิเป้ มาเดร่า คาเรโร่ ฟิโก้


วันเกิด 4 พฤษศจิกายน ค.ศ. 1972


สถานที่เกิด เมือง อัลมาดา ประเทศ โปรตุเกส


สัญชาติ โปรตุเกส


ส่วนสูง 180 เซนติเมตร


ตำแหน่ง ปีกขวา



สโมสรปัจจุบัน แขวนสตั๊ดแล้ว



หลุยส์ ฟิโก้ เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของโลกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เขาคือเจ้าของตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมในยุโรปในปี 2000 และเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าในปี 2001 ความสามารถในการลากเลื้อยและทักษะในการครองบอลอันเหนียวแน่นของเขาเป็นที่ยอมรับของทุกๆคน และเขายังเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่ลงเล่นให้กับสองสโมสรยักษ์ใหญ่ของสเปนอย่าง บาร์เซโลน่าและเรอัล มาดริด

พนันบอลออนไลน์ 

การเริ่มต้นนักฟุตบอลอาชีพ


ฤดูกาลที่ 1989-1995 สโมส รสปอร์ติ้ง ลิสบอน

ฟิโก้เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ซึ่งเป็นทีมในบ้านเกิด และเขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติโปรตุเกสครั้งแรกเมื่อปี 1991 ก่อนหน้านั้นเขเป็นสมาชิกของชุดเยาวชนของทีมชาติโปรตุเกสชุดที่คว้าแชมป์โลกชุดเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีร่วมกับเพื่อนร่วม "โกลเด้น เจเนอเรชั่น" อย่าง หลุยส์ คอสต้า เจา ปินโต และ เปาโล ซูซ่า


จุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพนักฟุตบอลของเขาเกิดขึ้นเมื่อปี 1995 เขาได้รับความสนใจจากบรรดาทีมชั้นนำในยุโรปอย่างมากมายแล้วเรื่องยุ่งยากก็เกิดขึ้น เมื่อเขาไปเซ็นสัญญาซ้ำซ้อนกับ ยูเวนตุส และ ปาร์ม่าพร้อมๆกัน ทำให้เขาถูกสั่งลงโทษไม่ให้ย้ายไปเล่นในอิตาลีเป็นเวลา 2 ปี ส่งผลให้ทีมที่คว่้าตัวเพชรเม็ดงามอย่างเขาไปก็คือ บาร์เซโลน่า นั่นเอง


ฤดูกาลที่ 1995-2000 สโมสร บาร์เซโลน่า

ภายใต้การคุมทีมของ โยฮัน ครัฟฟ์ เพียงแค่เวลาใน 4 ปี ฟิโก้ ก็กลายเป็นขวัญใจแฟนบอลและเป็นกัปตันทีมของสโมสรยักษ์ในคาลาตัน โดยเขาร่วมคว้าแชมป์ ลาลีกา และโคปา เดล เรย์ กับทีมได้อย่างละ 2 สมัย ฟิโก้ไม่เได้เป็นผู้เล่นตำแหน่งปีกชั้นนำเท่านั้น แต่เขายังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย และความสามารถในการเลี้บงบอลได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และสถิติการแอสซิสให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู ฟิโก้เขาเคยกล่าวไว้ว่า "เขามักจะเป็นผู้เล่นที่มักผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูมากกว่าที่จะยิงเอง"

ฤดูกาลที่ 2000-2005 สโมสร เรอัล มาดริด พนันบอลออนไลน์ 

ในปี 2000 ชื่อของเขาก็กลายเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ชองวงการฟุตบอลสเปน เมื่อเรอัล มาดริด จ่ายเงินถึง 56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,240 ล้านบาท ) และนั่นทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่โด่งดังที่สุดที่มีการโยกย้ายระหว่างสองสโมสร นอกจากนนี้มันยังส่งผลให้เกิดความเกลียดชังอย่างบ้าคลั่งให้กับแฟนบอล บาร์ซ่า ที่มีต่อตัว ฟิโก้ เองด้วย จากอดีตปีกขวัญใจอันดับหนึ่ง ฟิโก้ กลับกลายเป็นคนที่แฟนบอลในถิ่น คัมป์นู เกลียดชังมากที่สุดและถูกตราหน้าว่าคนทรยศและเห็นแก่เงิน หนึ่งในภาพเหตุการณ์ที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกนั่นก็คือในศึกฟุตบอลอ ยูโร 2004 รอบชิงชนะเลิศที่ ฟิโก้ลงเล่นให้โปรตุเกสพบกับกรีซ แฟนบอลคนหนึ่งได้วิ่งลงมาในสนามและตรงเข้าหา ฟิโก้ และได้ฟาดผ้าฝืนหนึ่งใส่ตัวเขา ผ้าผืนดังกล่าวก็คือธงเชียร์ของทีม บาร์เซโลน่า นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ถึงการย้ายทีมของเขาจะตามมาด้วยเรื่องราวอันอื้อฉาวมากมาย แต่ ฟิโก้ ก็ได้แสดงให้เห็นว่านั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิด เมื่อเขาได้คว้าแชมป์ร่วมกับทีม ราชันชุดขาวได้มากมายหลายรายการ โดยเฉพาะถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ ที่เขารอคอยมานาน นอกจากนี้เขายังมีปีที่เขายอดเยี่ยมที่สุดเมื่อเขาคว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งยุโรป และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่ามาครอง ในปี 2000 และ 2001 ตามลำดับ ฟิโก้ เล่นให้กับ เรอัล มาดริด จนกระทั่งถึงปี 2005 เขาก็ย้ายไปเล่นให้กับทีม อินเตอร์ มิลาน พนันบอลออนไลน์ 


ฤดูกาลที่ 2005-ปัจจุบัน

ในฤดูกาลแรกกับ อินเตอร์ มิลาน ฟิโก้ ลงสนามไปทั้งหมด 34 นัด และช่วยปิดฉากให้ทีมจบซีซั่นด้วยการรั้งอันดับ 3 ในศึก กัลโซ่ เซเรีย อา อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา "งูใหญ่" ก็ถูกประกาศให้คว้าแชมป์ สคูเต็ตโต้ แทนที่ แชมป์ในปีนั้น อย่างยูเวนตุส ที่พบว่าทีม "ม้าลาย" ได้ตกแต่งการแข่งขัน และโดนปรับตกชั้นให้ไปเล่นใน ซีนี บี พร้อมกับอันดับที่ 2 คือทีม เอซี มิลาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้จึงถุกตัดแต้ม 30 คะแนน

ในปี 2006-2007 ฟิโก้ ลงเล่นให้กับอินเตอร์ มิลานไป 32 นัด ยิงได้ 2 ประตู แต่นั่นก็ดีพอที่ช่วยให้ทีมเขาได้คว้าแชมป์ลีก อย่างไม่มีข้อกังขา ด้วยการทำแต้มทิ้งห่างทีมอันดับ 2 อย่างไม่เหห็นฝุ่น พร้อมกับทำสถิติชนะรวดติดต่อกัน 17 นัดอีกด้วย

ในเดือน ธันวาคม 2006 ฟิโก้ตกเป็นข่าวว่า อาจจะย้ายไปเล่นให้กับทีม อัล อัตติฮัด ทีมดีงของลีก ซาอุดิอาราเบีย โดยทั้งสองฝ่ายจ่อที่จะบรรลุข้อตกลงกันอยู่แล้ว แต่ในที่สุดทุกอย่างก็ล้มเลิกกลางคัน เมื่อ ฟิโก้ เปลี่ยนใจที่จะค้าแข้งกับ อินเตอร์ มิลาน ต่อไปจนถึงหมดสัญญาในปี 2007-2008 เมื่อเข้าสู่ฤฤดูกาลใหม่ ฟิโก้ ก็ยังตกเป็นข่าวกับทีม อัล อัตติฮัด แต่ทุกอย่างยังไม่มีความชัดเจน แต่จากรายงานล่าสุดได้ออกมาระบุว่า ฟิโก้ เริ่มมีความสนใจที่จะย้ายไปค้าแข้งใน เมเจอร์ลีกในสหรัฐฯ หลังหมดสัญญากับทีม "งูใหญ่" ในวันที่ 28 กรกฏาคม ปี 2008 อย่างไรก็ตาม ฟิโก้ ได้ออกมาบอกว่าเขายังจะฝากอนาคตกับ อินเตอร์ ต่อไป

พนันบอลออนไลน์ 

ทีมชาติ โปรตุเกส 1991-2006

กับทีมชาตินั้น ตั้งแต่เขาถูกเรียกให้ติดทีมชาติในวัย 19 ปี ฟิ โก้ก็กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในทีมเรื่อยมา และนำทีมลงเล่นในทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่างเช่น ยูโร 96 และ ยูโร 2000 จนมาถึงรายการ ยูโร 2004 ซึ่งโปรตุเกสได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง ด้วยวัย 32 ปี ฟิโก้ ได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีม ก็ได้พาทีมชาติโปรตุเกสฝ่าฟันกับปัญหาที่ต้องแบกรับไว้มากมาย และผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้ในที่สุด แต่ทว่าความผิดหวังในการพ่ายให้กับทีมชาติ กรีซ ในรอบชิงชนเลิศทำให้ ฟิโก้ ประกาศอำลาทีมชาติหลังจากจบการแข่งขัน หนึ่งปีจากนั้นเมื่อ ฟิโก้ เริ่มจะไม่มีความสุขกับทีมต้นสังกัด ทำให้เขาหวนนึกถึงการกลับมารับใช้ทีมชาติอีกครั้ง และในที่สุด หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่ ก็ได้เรียกตัวเขาให้กลับมารับใช้ทีมชาติอีกครั้ง เพื่อที่จะไปทศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ซึ่ง เทรนเนอร์ชาวบราซิลให้ความเห็นว่า นักเตะที่ยิ่งใหญ่อย่าง ฟิโก้ ไม่ได้มีดีแค่ฝีเท้าเท่านั้น แต่คุณสมบัติการเป็นผู้นำและประสบการณ์อื่นๆ ที่เขาจะมอบให้น้องๆคือสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้ทีมชาติโปรตุเกสประสบความสำเร็จได้ และฟิโก้ ก็ไม่ได้ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง เขาได้กลับมาช่วยทีมชาติและสามารถพาโปรตุเกสผ่านรอบคัดเลือกได้ไปเล่นฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมันได้ด้วยสถิติอันยอดเยี่ยม โดยการกลับมาลงสนามทั้ง 8 นัดของเขานั้น ทีมฝอยทองคว้าชัยได้ไปถึง 7 เกม และเสมอไปเพียงแค่ 1 เกมส์เท่านั้น ฟิโก้ สวมปลอกแขนตำแหน่งกัปตันทีม นำทัพ โปรตุเกส ลงทำศึกการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2006 และเขาก็มีส่วนสำคัญพาทีมเข้าผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ก่อนที่จะหยุดเส้นทางไว้แค่นั้น หลังจากที่พ่ายให้กับทีมชาติ ฝรั่งเศส อย่างน่าเสียดาย 0-1 และในรอบชิงที่ 3 ทีมก็ต้องไปพ่ายให้กับ เยอรมัน 0-2 อย่างไรก็ตาม นี่ก็ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ปี 1996 เลยทีเดียว

พนันบอลออนไลน์ 

ชีวิตส่วนตัว

ฟิโก้ แต่งงางกับ เฮเรน สเวดิน นางแบบสาวชาว สวีดิช โดยทั้งคู่พบกันที่งานแสดงแฟชั่นโชว์ที่ ฟลาแมงโก้ และตอนนี้ทั้ง ฟิโก้ และ เฮเลน มีลูกสาวด้วยกัน 3 คน ได้แก่ ดาเนี่ยวลา (เกิด มีนาคม 1999) มาร์ติน่า (เกิด เมษายน 2002) และ สเตลล่า (เกิด 9  ธันวาคม 2004) อย่างไรก็ตามพวกเขามีแผนที่จะปั้มลูกคนที่ 4 อีกด้วย












พนันบอลออนไลน์ 

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ ดาวิด บีย่า

ประวัติของ ดาวิด บีย่า




พนันบอลออนไลน์

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็มของเขา ดาวิด บีย่า ซานเชซ


วันเกิด 3 ธันวาคม ค.ศ. 1981 (33ปี)


เกิดที่ เมืองอังเกรโอ ประเทศสเปน


ส่วนสูง 175 เซนติเมตร


เท้าที่ถนัด ถนัดทั้งสองเท้า


ตำแหน่ง กองหน้า


สโมสรปัจจุบัน เมลเบิร์น ซิตี้




ประวัติการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

ดาบิด บียา ซานเชซ (สเปน: David Villa Sánchez) เป็นนักฟุตบอลชาวสเปนโดยเขาได้เกิดเมื่อวันที่ สาม3 ธันวาคม ค.ศ. 1981 ที่เมืองลังเกรโอ แคว้นอัสตูเรียส บียาเป็นเจ้าของฉายา ว่า"เอลกวาเฮ" (ในภาษาอัสตูเรียสแปลว่าเจ้าหนูน้อย)ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเมลเบิร์นซิตีและทีมชาติสเปน เขาได้รับการยกย่องจากแฟนบอลว่าเป็นหนึ่งในศูนย์หน้าระดับแนวหน้าของโลกในปัจจุบัน และมีชื่อเสียงมากในเรื่องความแม่นยำในการยิงประตูหน้ากรอบเขตโทษ เจ้าหนูดาวิดบียาเริ่มต้นการเล่นอาชีพเมื่อปี 1991 กับอูเป ลังเกรโอ โดยนั่นเป็นทีมในบ้านเกิด ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีมสปอร์ติ้ง กิฆอน เมื่อในปี 1999 และประเดิมเกมในระดับลีกา 2 ในฤดูกาล 2000-01 จากนั้น สโมสรเรอัลซาราโกซาก็ได้หยิบยื่นโอกาสให้เขาได้สัมผัสประสบการณ์ในเกมระดับลาลีกาเป็นครั้งแรกในปี 2003และในช่วงระหว่างที่เขาได้ค้าแข้งกับซาราโกซาเป็นเวลา ถึง2 ฤดูกาล บียาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์โคปาเดลเรย์ด้วยการเฉือนเรอัลมาดริด รวมด้วยและสแปนิชซูเปอร์คัพในปี 2004 ด้วยการเอาชนะบาเลนเซีย เจ้าของแชมป์ลาลีกาไปได้อย่างพลิกความคาดหมาย จากการเล่นที่แพรวพราวและด้วยฟอร์มการถล่มประตูที่เฉียบขาด เลยทำให้ "เจ้าค้างคาว" ยอมทุ่มเงิน 12 ล้านยูโร (ประมาณ 540 ล้านบาท) เพื่อดึงตัวบียามาร่วมทีมในปี 2005

พนันบอลออนไลน์

แล้วต่อมาในฤดูกาล 2004-05 บียาก็ตอบแทนค่าตัวได้คุ้มค่าทุกเซนต์เมื่อทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง และด้วยการทำ 25 ประตูจากการลงสนาม 35 นัดในลีก จะเป็นรองก็แค่ หัวหอกซามูเอล เอโต ดาวยิงของบาร์เซโลนา ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดลาลีกาเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งโดยเขาสร้างความฮือฮาด้วยการกดแฮตทริกแรกให้บาเลนเซีย ด้วยการใช้เวลาเพียง แค่5 นาที ในเกมที่บุกไปเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา 3-0 เมื่อวันที่ ยี่สิบสาม23 เมษายนที่ผ่านมา

จากการทำประตูที่คงเส้นคงวาทำให้มีหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปจ้องที่จะคว้าตัวหัวหอกวัย ประมาน25 ปีไปล่าตาข่าย ซึ่งรวมถึงเชลซี แชมป์พรีเมียร์ชิพ 2 สมัยแต่แล้วบาเลนเซียก็ไม่คิดที่จะปล่อยเสาหลักของทีมรายนี้ไปง่ายๆจึงได้จับต่อสัญญาอยู่โยงในถิ่นเมสตายาสเตเดียมไปจนถึงปี ค.ศ.2010 แต่บาร์เซโลนาก็มาซื้อตัวดาบิด บียา ไปด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร จนถึงปี 2013-2014ก็ได้บินไปร่วมทัพกับสโมสร แอตแลนติ โกมาดริดด้วยค่าตัว 5.1 ล้านยูโรและเขายังได้โชว์ฟอร์มได้อย่างต่อเนื่องทำให้เขาได้ถูกเรียกตัวไปคิดทีมชาติ

เขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปนและทางด้านในส่วนของทีมชาติ ดาวิดบียาก็มีผลงานที่น่าประทับใจเช่นเดียวกัน โดยอดีตนักเตะตัวหลักของทีมชาติสเปนชุดยู-21 โดยเขาเลื่อนขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมที่พบกับซานมารีโนเมื่อวันที่ เก้า9 กุมภาพันธ์ 2005 นอกจากนั้น ยังช่วยยิงประตูในเกมเพลย์ออฟฟุตบอลโลกที่พบกับสโลวาเกียด้วย
โดยหลังจากที่ช่วยพาทีมกระทิงดุผ่านเข้ามาร่วมฟาดแข้งในรอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมนีแล้ว ดาวิดบียา ดาวยิงตัวเก่งของบาเลนเซีย ก็ยิงได้ 2 ประตูในนัดที่พบกับยูเครน โดยที่เขาได้ยิงจุดโทษในเกมที่พ่ายฝรั่งเศส 1-3 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะปิดฉากฟุตบอลโลกครั้งแรกด้วยการทำ 3 ประตู ระหว่างที่ค้าแข้งกับ เรอัลซาราโกซ่า เป็นเวลา 2 ฤดูกาล บีย่า ก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์โคปา เดเดล เรย์ ด้วยการเฉือนรีล มาดริด และ สแปนิช ซูเปอร์คัพ ในปี 2004 ด้วยการเอาชนะ บาเลนเซีย เจ้าของแชมป์ลา ลีก้า ไปได้อย่างพลิกความคาดหมายและด้วยฟอร์มการถล่มประตูที่เฉียบขาดและซึ่งทำให้ “เจ้าค้างคาว” ยอมทุ่มเงิน 12 ล้านยูโร (ประมาณ 600 ล้านบาท) เพื่อดึงตัว บีญ่า มาร่วมทีมในปี 2005
พนันบอลออนไลน์
และเมื่อในฤดูกาล 2004-05 บีญ่าก็ตอบแทนค่าตัวได้คุ้มค่าทุกเซนต์เมื่อทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง โดยด้วยการทำ 25 ประตูจากการลงสนาม 35 นัดในลีก จะเป็นรองก็แค่ หัวหอกอย่างซามูแอล เอโต้ ดาวยิงของบาร์เซโลน่า ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดลา ลาลีก้า เพียงคนเดียวเท่านั้น โดย เขาสร้างความฮือฮาด้วยการกดแฮตทริกแรกให้บาเลนเซีย และด้วยการใช้เวลาเพียง ไม่ถึง5 นาที ในเกมที่บุกไปเอาชนะ แอธเลติก บบิลเบา 3-0 เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมาจากการทำประตูที่คงเส้นคงวาทำให้มีหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปจ้องที่จะคว้าตัวหัวหอกวัย ยี่สิบห้า25 ปีไปล่าตาข่าย ซึ่งรวมถึง เชลซี แชมป์พรีเมียร์ชิพ 2 สมัยแล้วแต่บาเลนเซีย ก็ไม่คิดที่จะปล่อยเสาหลักของทีมรายนี้ไปง่ายๆ เลยได้จับต่อสัญญาอยู่โยงในถิ่นเมสตาญ่า สเตเดี้ยม ไปจนถึงปี 2013 โดยต่อมาในส่วนของทีมชาติ บีย่า ก็มีผลงานที่น่าประทับใจเช่นเดียวกัน และโดย อดีตนักเตะตัวหลักของทีมชาติสเปน ชุดยู-21 เลื่อนขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมที่พบกับ ที่เมืองซาน มาริโน่ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2005 นอกจากนั้น ยังช่วยทำยิงประตูในเกมเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก ที่พบกับ สโลวาเกีย ด้วย พนันบอลออนไลน์
ต่อมาหลังจากที่ช่วยพาทีมกระทิงดุผ่านเข้ามาร่วมฟาดแข้งในรอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมันแล้ว ดาวิดบีย่า ดาวยิงตัวเก่งของบาเลนเซีย ก็ยิงได้ 2 ประตูในนัดที่พบกับ ทีมชาติยูเครน และยิงจุดโทษในเกมที่พ่าย ฝรั่งเศส 1-3 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะปิดฉากฟุตบอลโลกครั้งแรกด้วยการทำ 3 ประตู
ในปี 2008 ทีมชาติสเปนเข้าแข่งฟุตบอลยูโร 2008 เป็นปีที่สร้างชื่อเสียงให้กับบีย่ามากที่สุด ในขณะที่ทั้งโลกจับตามอง เฟร์นานโด ตอเรส แต่กลับเป็นบีย่า ที่ระเบิดฟอร์มในทัวร์นาเม้นต์นี้ ด้วยการที่โดยประเดิมสนามกับทีมรัสเซีย เขากดไปถึง 3 เม็ด!! ซัดแฮทริคให้ทีมถล่มรัสเซียไป ด้วยสกอร์4-1 จบทัวร์นาเม้นต์ สเปนคว้าแชมป์ไว้ได้ และเขาก็ได้ตำแหน่งดาวยิงสูงสุด ถึง4 ประตูด้วยและในศึก คอนเฟดเดเรชั่นคัพ ที่ผ่านมา บีย่า ซึ่งเป็นกำลังหลักของทีม เขาทำผลงานได้ 3 ประตูตลอดทัวร์นาเม้น ประตูสำคัญก็คือ การโหม่งประตูชัยให้สเปนเฉือนเอาชนะอิรักไปได้ ด้วยสกอร์1-0 ช่วยให้สเปน ชนะรวด 3 นัด คว้าที่ 1 ของกลุ่มไปอย่างสบาย และก่อนจบทัวร์นาเม้นในอันดับที่ 3 ซึ่งตั้งแต่รอบตัดเชือกมา บีย่า ทำประตูไม่ได้เลย พนันบอลออนไลน์
ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ทีมชาติสเปนในฐานะแชมป์เก่าต้องตกรอบแรกโดยสองนัดแรกเป็นฝ่ายแพ้ต่อทั้งเนเธอร์แลนด์และชิลี และในนัดที่สามที่พบกับออสเตรเลีย ซึ่งไม่มีผลอะไรแล้วต่อการเข้ารอบ เขาดาบิด บียา ได้ประกาศว่านี่เป็นการลงเล่นให้กับทีมชาติเป็นนัดสุดท้าย แต่แล้วบียาก็เป็นผู้ยิงประตูแรกให้กับสเปนได้ แต่เมื่อขึ้นครึ่งหลังได้ไม่นาน ดาวี่บิเซนเต เดล บอสเก ผู้จัดการทีมสเปนก็ได้เปลี่ยนตัวบียาออก เลยทำให้บียาถึงกับร้องไห้ออกมา เมื่อเสร็จการแข่งขันแล้วเดล เดลบอสเก อ้างว่าไม่ทราบว่านี่คือการเล่นให้กับทีมชาติเป็นนัดสุดท้ายของบียา
หัวหอกสเปนดาบิด บียา ถือได้ว่าเป็นนักฟุตบอลทีมชาติสเปนที่ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกติดต่อกันถึง 3 สมัย คือในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006, ฟุตบอลโลก 2010 และฟุตบอลโลก ปี2014 และคว้าแชมป์โลกมาได้หนึ่งสมัย คือ ฟุตบอลโลก 2010 และเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูสูงสุดของทีมชาติสเปน คือ ห้าสิบเก้า59 ประตู ทำลายสถิติเดิมของราอูล กอนซาเลซ และเป็นนักฟุตบอลสเปนที่ยิงในฟุตบอลโลกมากที่สุด คือ 9 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 12 นัด พนันบอลออนไลน์

ประวัติครอบครัว 

โดย- บีญา เป็นลูกชายของ โฆเซ มานูเอล บีญา นักทำเหมืองแร่ ที่ ตูกิลลาซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆชื่อเมืองว่าลานเกรโอ, อัสตูเรียส อยู่ทางตอนเหนือของ สเปน

- บีญาแต่งงานกับ แพทริเซีย เพื่อนในวัยเด็ก และ(ซึ่งเคยเป็นนักฟุตบอลสมัยเป็นวัยรุ่นด้วย) ทั้งคู่มีลูกสาว 3 คนโดยมีชื่อว่า ซาอิดา, โอลายา, และ ลูซา

ระดับอาชีพ 
ฤดูกาล2014-ปัจจุบัน นิวยอร์ก ซิตี้ (ยืมตัวไปเล่นให้ เมลเบิร์น ซิตี้)
ฤดูกาล2013-2014 แอต.มาดริด
ฤดูกาล2010-2013 บาร์เซโลนา
ฤดูกาล2005-2010 บาเลนเซีย
ฤดูกาล2003-2005 เรอัล ซาราโกซา
ฤดูกาล2001-2003 สปอร์ติง กิฆอน
ฤดูกาล1999-2001 สปอร์ติง กิฆอน บี

ระดับเยาวชน
ฤดูกาล1991-1999 ลันเกรโอ

ระดับทีมชาติ
ฤดูกาล2005-2014 ทีมชาติิสเปน ชุดใหญ่
ฤดูกาล2000-2003 ทีมชาติสเปน ชุดยู-21





พนันบอลออนไลน์

ประวัติของ ดาวิด บีย่า

ประวัติของ ดาวิด บีย่า




พนันบอลออนไลน์

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็มของเขา ดาวิด บีย่า ซานเชซ


วันเกิด 3 ธันวาคม ค.ศ. 1981 (33ปี)


เกิดที่ เมืองอังเกรโอ ประเทศสเปน


ส่วนสูง 175 เซนติเมตร


เท้าที่ถนัด ถนัดทั้งสองเท้า


ตำแหน่ง กองหน้า


สโมสรปัจจุบัน เมลเบิร์น ซิตี้




ประวัติการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

ดาบิด บียา ซานเชซ (สเปน: David Villa Sánchez) เป็นนักฟุตบอลชาวสเปนโดยเขาได้เกิดเมื่อวันที่ สาม3 ธันวาคม ค.ศ. 1981 ที่เมืองลังเกรโอ แคว้นอัสตูเรียส บียาเป็นเจ้าของฉายา ว่า"เอลกวาเฮ" (ในภาษาอัสตูเรียสแปลว่าเจ้าหนูน้อย)ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเมลเบิร์นซิตีและทีมชาติสเปน เขาได้รับการยกย่องจากแฟนบอลว่าเป็นหนึ่งในศูนย์หน้าระดับแนวหน้าของโลกในปัจจุบัน และมีชื่อเสียงมากในเรื่องความแม่นยำในการยิงประตูหน้ากรอบเขตโทษ เจ้าหนูดาวิดบียาเริ่มต้นการเล่นอาชีพเมื่อปี 1991 กับอูเป ลังเกรโอ โดยนั่นเป็นทีมในบ้านเกิด ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีมสปอร์ติ้ง กิฆอน เมื่อในปี 1999 และประเดิมเกมในระดับลีกา 2 ในฤดูกาล 2000-01 จากนั้น สโมสรเรอัลซาราโกซาก็ได้หยิบยื่นโอกาสให้เขาได้สัมผัสประสบการณ์ในเกมระดับลาลีกาเป็นครั้งแรกในปี 2003และในช่วงระหว่างที่เขาได้ค้าแข้งกับซาราโกซาเป็นเวลา ถึง2 ฤดูกาล บียาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์โคปาเดลเรย์ด้วยการเฉือนเรอัลมาดริด รวมด้วยและสแปนิชซูเปอร์คัพในปี 2004 ด้วยการเอาชนะบาเลนเซีย เจ้าของแชมป์ลาลีกาไปได้อย่างพลิกความคาดหมาย จากการเล่นที่แพรวพราวและด้วยฟอร์มการถล่มประตูที่เฉียบขาด เลยทำให้ "เจ้าค้างคาว" ยอมทุ่มเงิน 12 ล้านยูโร (ประมาณ 540 ล้านบาท) เพื่อดึงตัวบียามาร่วมทีมในปี 2005

พนันบอลออนไลน์

แล้วต่อมาในฤดูกาล 2004-05 บียาก็ตอบแทนค่าตัวได้คุ้มค่าทุกเซนต์เมื่อทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง และด้วยการทำ 25 ประตูจากการลงสนาม 35 นัดในลีก จะเป็นรองก็แค่ หัวหอกซามูเอล เอโต ดาวยิงของบาร์เซโลนา ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดลาลีกาเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งโดยเขาสร้างความฮือฮาด้วยการกดแฮตทริกแรกให้บาเลนเซีย ด้วยการใช้เวลาเพียง แค่5 นาที ในเกมที่บุกไปเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา 3-0 เมื่อวันที่ ยี่สิบสาม23 เมษายนที่ผ่านมา

จากการทำประตูที่คงเส้นคงวาทำให้มีหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปจ้องที่จะคว้าตัวหัวหอกวัย ประมาน25 ปีไปล่าตาข่าย ซึ่งรวมถึงเชลซี แชมป์พรีเมียร์ชิพ 2 สมัยแต่แล้วบาเลนเซียก็ไม่คิดที่จะปล่อยเสาหลักของทีมรายนี้ไปง่ายๆจึงได้จับต่อสัญญาอยู่โยงในถิ่นเมสตายาสเตเดียมไปจนถึงปี ค.ศ.2010 แต่บาร์เซโลนาก็มาซื้อตัวดาบิด บียา ไปด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร จนถึงปี 2013-2014ก็ได้บินไปร่วมทัพกับสโมสร แอตแลนติ โกมาดริดด้วยค่าตัว 5.1 ล้านยูโรและเขายังได้โชว์ฟอร์มได้อย่างต่อเนื่องทำให้เขาได้ถูกเรียกตัวไปคิดทีมชาติ

เขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปนและทางด้านในส่วนของทีมชาติ ดาวิดบียาก็มีผลงานที่น่าประทับใจเช่นเดียวกัน โดยอดีตนักเตะตัวหลักของทีมชาติสเปนชุดยู-21 โดยเขาเลื่อนขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมที่พบกับซานมารีโนเมื่อวันที่ เก้า9 กุมภาพันธ์ 2005 นอกจากนั้น ยังช่วยยิงประตูในเกมเพลย์ออฟฟุตบอลโลกที่พบกับสโลวาเกียด้วย
โดยหลังจากที่ช่วยพาทีมกระทิงดุผ่านเข้ามาร่วมฟาดแข้งในรอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมนีแล้ว ดาวิดบียา ดาวยิงตัวเก่งของบาเลนเซีย ก็ยิงได้ 2 ประตูในนัดที่พบกับยูเครน โดยที่เขาได้ยิงจุดโทษในเกมที่พ่ายฝรั่งเศส 1-3 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะปิดฉากฟุตบอลโลกครั้งแรกด้วยการทำ 3 ประตู ระหว่างที่ค้าแข้งกับ เรอัลซาราโกซ่า เป็นเวลา 2 ฤดูกาล บีย่า ก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์โคปา เดเดล เรย์ ด้วยการเฉือนรีล มาดริด และ สแปนิช ซูเปอร์คัพ ในปี 2004 ด้วยการเอาชนะ บาเลนเซีย เจ้าของแชมป์ลา ลีก้า ไปได้อย่างพลิกความคาดหมายและด้วยฟอร์มการถล่มประตูที่เฉียบขาดและซึ่งทำให้ “เจ้าค้างคาว” ยอมทุ่มเงิน 12 ล้านยูโร (ประมาณ 600 ล้านบาท) เพื่อดึงตัว บีญ่า มาร่วมทีมในปี 2005
พนันบอลออนไลน์
และเมื่อในฤดูกาล 2004-05 บีญ่าก็ตอบแทนค่าตัวได้คุ้มค่าทุกเซนต์เมื่อทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง โดยด้วยการทำ 25 ประตูจากการลงสนาม 35 นัดในลีก จะเป็นรองก็แค่ หัวหอกอย่างซามูแอล เอโต้ ดาวยิงของบาร์เซโลน่า ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดลา ลาลีก้า เพียงคนเดียวเท่านั้น โดย เขาสร้างความฮือฮาด้วยการกดแฮตทริกแรกให้บาเลนเซีย และด้วยการใช้เวลาเพียง ไม่ถึง5 นาที ในเกมที่บุกไปเอาชนะ แอธเลติก บบิลเบา 3-0 เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมาจากการทำประตูที่คงเส้นคงวาทำให้มีหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปจ้องที่จะคว้าตัวหัวหอกวัย ยี่สิบห้า25 ปีไปล่าตาข่าย ซึ่งรวมถึง เชลซี แชมป์พรีเมียร์ชิพ 2 สมัยแล้วแต่บาเลนเซีย ก็ไม่คิดที่จะปล่อยเสาหลักของทีมรายนี้ไปง่ายๆ เลยได้จับต่อสัญญาอยู่โยงในถิ่นเมสตาญ่า สเตเดี้ยม ไปจนถึงปี 2013 โดยต่อมาในส่วนของทีมชาติ บีย่า ก็มีผลงานที่น่าประทับใจเช่นเดียวกัน และโดย อดีตนักเตะตัวหลักของทีมชาติสเปน ชุดยู-21 เลื่อนขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมที่พบกับ ที่เมืองซาน มาริโน่ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2005 นอกจากนั้น ยังช่วยทำยิงประตูในเกมเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก ที่พบกับ สโลวาเกีย ด้วย พนันบอลออนไลน์
ต่อมาหลังจากที่ช่วยพาทีมกระทิงดุผ่านเข้ามาร่วมฟาดแข้งในรอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมันแล้ว ดาวิดบีย่า ดาวยิงตัวเก่งของบาเลนเซีย ก็ยิงได้ 2 ประตูในนัดที่พบกับ ทีมชาติยูเครน และยิงจุดโทษในเกมที่พ่าย ฝรั่งเศส 1-3 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะปิดฉากฟุตบอลโลกครั้งแรกด้วยการทำ 3 ประตู
ในปี 2008 ทีมชาติสเปนเข้าแข่งฟุตบอลยูโร 2008 เป็นปีที่สร้างชื่อเสียงให้กับบีย่ามากที่สุด ในขณะที่ทั้งโลกจับตามอง เฟร์นานโด ตอเรส แต่กลับเป็นบีย่า ที่ระเบิดฟอร์มในทัวร์นาเม้นต์นี้ ด้วยการที่โดยประเดิมสนามกับทีมรัสเซีย เขากดไปถึง 3 เม็ด!! ซัดแฮทริคให้ทีมถล่มรัสเซียไป ด้วยสกอร์4-1 จบทัวร์นาเม้นต์ สเปนคว้าแชมป์ไว้ได้ และเขาก็ได้ตำแหน่งดาวยิงสูงสุด ถึง4 ประตูด้วยและในศึก คอนเฟดเดเรชั่นคัพ ที่ผ่านมา บีย่า ซึ่งเป็นกำลังหลักของทีม เขาทำผลงานได้ 3 ประตูตลอดทัวร์นาเม้น ประตูสำคัญก็คือ การโหม่งประตูชัยให้สเปนเฉือนเอาชนะอิรักไปได้ ด้วยสกอร์1-0 ช่วยให้สเปน ชนะรวด 3 นัด คว้าที่ 1 ของกลุ่มไปอย่างสบาย และก่อนจบทัวร์นาเม้นในอันดับที่ 3 ซึ่งตั้งแต่รอบตัดเชือกมา บีย่า ทำประตูไม่ได้เลย พนันบอลออนไลน์
ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ทีมชาติสเปนในฐานะแชมป์เก่าต้องตกรอบแรกโดยสองนัดแรกเป็นฝ่ายแพ้ต่อทั้งเนเธอร์แลนด์และชิลี และในนัดที่สามที่พบกับออสเตรเลีย ซึ่งไม่มีผลอะไรแล้วต่อการเข้ารอบ เขาดาบิด บียา ได้ประกาศว่านี่เป็นการลงเล่นให้กับทีมชาติเป็นนัดสุดท้าย แต่แล้วบียาก็เป็นผู้ยิงประตูแรกให้กับสเปนได้ แต่เมื่อขึ้นครึ่งหลังได้ไม่นาน ดาวี่บิเซนเต เดล บอสเก ผู้จัดการทีมสเปนก็ได้เปลี่ยนตัวบียาออก เลยทำให้บียาถึงกับร้องไห้ออกมา เมื่อเสร็จการแข่งขันแล้วเดล เดลบอสเก อ้างว่าไม่ทราบว่านี่คือการเล่นให้กับทีมชาติเป็นนัดสุดท้ายของบียา
หัวหอกสเปนดาบิด บียา ถือได้ว่าเป็นนักฟุตบอลทีมชาติสเปนที่ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกติดต่อกันถึง 3 สมัย คือในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006, ฟุตบอลโลก 2010 และฟุตบอลโลก ปี2014 และคว้าแชมป์โลกมาได้หนึ่งสมัย คือ ฟุตบอลโลก 2010 และเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูสูงสุดของทีมชาติสเปน คือ ห้าสิบเก้า59 ประตู ทำลายสถิติเดิมของราอูล กอนซาเลซ และเป็นนักฟุตบอลสเปนที่ยิงในฟุตบอลโลกมากที่สุด คือ 9 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 12 นัด พนันบอลออนไลน์

ประวัติครอบครัว 

โดย- บีญา เป็นลูกชายของ โฆเซ มานูเอล บีญา นักทำเหมืองแร่ ที่ ตูกิลลาซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆชื่อเมืองว่าลานเกรโอ, อัสตูเรียส อยู่ทางตอนเหนือของ สเปน

- บีญาแต่งงานกับ แพทริเซีย เพื่อนในวัยเด็ก และ(ซึ่งเคยเป็นนักฟุตบอลสมัยเป็นวัยรุ่นด้วย) ทั้งคู่มีลูกสาว 3 คนโดยมีชื่อว่า ซาอิดา, โอลายา, และ ลูซา

ระดับอาชีพ 
ฤดูกาล2014-ปัจจุบัน นิวยอร์ก ซิตี้ (ยืมตัวไปเล่นให้ เมลเบิร์น ซิตี้)
ฤดูกาล2013-2014 แอต.มาดริด
ฤดูกาล2010-2013 บาร์เซโลนา
ฤดูกาล2005-2010 บาเลนเซีย
ฤดูกาล2003-2005 เรอัล ซาราโกซา
ฤดูกาล2001-2003 สปอร์ติง กิฆอน
ฤดูกาล1999-2001 สปอร์ติง กิฆอน บี

ระดับเยาวชน
ฤดูกาล1991-1999 ลันเกรโอ

ระดับทีมชาติ
ฤดูกาล2005-2014 ทีมชาติิสเปน ชุดใหญ่
ฤดูกาล2000-2003 ทีมชาติสเปน ชุดยู-21





พนันบอลออนไลน์

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ ราดาเมล ฟัลเกา

ประวัติของ ราดาเมล  ฟัลเกา



พนันบอลออนไลน์
                        

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อจริงๆ ราดาเมล ฟัลกาโอ การ์เซีย ซาราเต


วันเกิด 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1986 (29 ปี)


สถานที่เกิด ซานตามาร์ตา,โคลัมเบีย


ส่วนสูง 177 เซนติเมตร


ตำแหน่ง กองหน้า


สโมสรปัจจุบัน เชลซี



ประวัตินักฟุตบอล


ดาวเตะโคลอมเบียราด้าเมล ฟัลกาโอ้ การ์ซีอา ซาราเต หรือรู้จักในชื่อ ฟัลกาโอหรือว่าที่เรารู้จักกันในชื่อ ฟัลเกา ในบางครั้งรู้จักในฉายาชื่อ เอลตีเกร เป็นนักฟุตบอลกองหน้าตัวเป้าชาวโคลอมเบีย โดยที่ปัจจุบันเล่นให้กับอาแอ็สมอนาโกในลีกเอิง และแล้ว(แต่ได้ย้ายมาเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีก ในแบบยืมตัวเป็นระยะเวลา 1 ปี
ฟัลก้าโอ่เป็นนักฟุตบอลรุ่นที่เป็นรุ่นที่2 อันดับของตระกูล โดยบิดาของเขา คือ ราดาเมล การ์ซีอา เป็นนักฟุตบอลอาชีพเล่นตำแหน่งกองหลังในโคลอมเบีย และชื่อของเขา ฟัลเกา ตั้งชื่อตามนักฟุตบอลชาวบราซิล นักฟุตบอลในตำนานของโรมา คือ เปาลู โรเบร์ตู ฟัลเกา

ฟัลกาโอถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก จากการที่เขายิงทำลายสถิติ 15 ประตูของเยือร์เกิน คลินส์มันน์ เขายิงได้ และยังยิงได้อีก17 ประตูในการแข่งขันครั้งเดียวของการแข่งขันฟุตบอลยุโรป ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกบางส่วน โดยได้รวมกับยูฟ่ายูโรปาลีก และยังเป็นกุญแจสำคัญที่นำโปร์ตู ครองแชมป์ได้เป็นครั้งที่2 ของยูฟ่าคัป/ยูฟ่ายูโรปาลีก เช่นเดียวกับนำทีมไม่แพ้ใครในปรีไมราลีกา และต่อมาในฤดูกาล 2010–11 สหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลนานาชาติยังจัดให้ฟัลกาโอเป็นผู้ยิงประตูดีที่สุดอันดับ ที่2 ในปี ค.ศ. 2011 เป็นรองเพียงเลียวเนล เมสซีจากอาร์เจนตินาเท่านั้นฟัลกาโอได้รับรางวัลลูกบอลทองคำโปรตุเกสในปี ค.ศ. 2011 ถือเป็นชาวโคลอมเบียคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้

ในฤดูกาล ที่2014–15 ฟัลกาโอได้ย้ายมาเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยเป็นการแบบยืมตัวเป็นเวลา 1 ฤดูกาล เพราะซึ่งฟัลกาโอไม่สามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจเท่าที่ควร เพราะเนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่าเรื้อรังมาก่อนหน้านี้ ทำให้ลงเล่นใหกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปทั้งหมด รวมแล้ว29 นัด รวมในทุกรายการ โดยสามารถทำประตูไปได้เพียง 4 ประตูเท่านั้น และถูกส่งกลับต้นสังกัดเดิม คือ อาแอ็สมอนาโก

พนันบอลออนไลน์

สโมสรอาชีพ



แลนเซรอส โบยาก้า 

ร่าดาเม้ล ฟัลเกา เริ่มค้าแข้งให้กับทีม สโมสรอย่างแลนเซรอส เดเอโบยาก้า ในลีกบ้านเกิด ก่อนจะถูก ริเวอร์ เพลท ทีมดังจากลีกอาร์เจนติน่าคว้าตัวไปร่วมทีมในปี ค.ศ.2005 เขาได้ค้าแข้งอยู่สโมสรแห่งนี้และเริ่มสร้างชื่อเสียงให้กับจนเอง ด้วยฟอร์มการเล่นของเขาโดดเด่นมากจนไปเข้าตา เอฟซี ปอร์โต้ ซึ่งเจ้าแห่งโปรตุเกส ที่จับเขามาปลุกปั้นเป็นเพชรเม็ดงามในเวทียุโรป ราดาเมลฟัลเกา ลับฝีเท้าจนขึ้นมาเป็นกองหน้าอันดับต้นๆ ของโลกจนมีสโมสรยักษ์ใหญ่ตามจีบอยู่หลายทีม ซึ่งแต่แล้วสุดท้ายเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่คว้าตัวเขาไปได้ในปี 2011 และก่อนจะถูกเศรษฐีหน้าใหม่อย่าง โมนาโก ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อดึงตัวเขามาร่วมทีม



ริเวอร์ เพลท

ริเวอร์ เพท ดึง ฟัลเก๊า มาร่วมทัพด้วยค่าตัวเพียง 5 ห้าแสนดอลลาร์ เลโอนาร์โด อาสตราด้า กุนซือของทีม ได้ให้โอกาส ราดาเมลฟัลเกา ลงสนามนัดแรกในนัดที่ ริเวอร์ เพลท แพ้ให้กับ ยิมเนเซีย 1-2โดยที่ฟัลเก๋า ขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงได้ในปี 2005 และเริ่มประเดิมแบบสวยๆ และด้วยการยิงเบิ้ลใส่ อินดิพิเดนเต้ ทำให้ ริเวอร์เพลท ชนะไป ด้วยสกอร์3-1 จนในที่สุดเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม โดยได้รับความใว้วางใจจาก ดาวเตะรุ่นเก๋าอย่างไรนัลโด้ เมอร์โล่ กุนซือของ ริเวอร์เพลท ในเวลานั้น ราดาเมลฟัลเกาทำประตูได้อย่างต่อเนื่องภายใต้ต้นสังกัดใหม่พาทีมประสบความสำเร็จมาก มายก่อนจะย้ายไปค้าแข้งในยุโรปกับ เอฟซี ปอร์โต้



เอฟซี ปอร์โต้

ราดาเมลฟัลเกา ย้ายมาค้าแข้งที่ยุโรปเป็นครั้งแรก กับ เอฟซี ปอร์โต้ และโดย ปอร์โต้ ได้ซื้อเขามาด้วยราคา 4 ล้านยูโร หลังจากที่สโมสรได้ปล่อย กองหน้าดาวเตะของทีมชาตฝรั่งเศสอย่างลิซานโดร โลเปซ ศูนย์หน้าตัวเก่งให้กับ โอลิมปิก ลียง เเละ ราดาเมลฟัลเกา ก็ไม่ทำให้ต้นสังกัดใหม่ผิดหวัง และตัวเขาทำประตูได้อย่างต่อเนื่องและทดแทนการจากไปของ โลเปซ ได้เป็นอย่างดี พนันบอลออนไลน์

      เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงในระดับทวีปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่ว่าจะเป็นการทำแฮตทริกในเกมที่พาทีมอาชนะ ราปิด เวียนนา ซึ่งอยู่ในการแข่งกัน ยูโรป้าลีก และบุกไปยิงแฮตทริกใส่ สปาร์ตัก มอสโก ไปได้ถึงถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมากๆ ในการไปเยือนแผ่นดินรัสเซีย และในปีนั้น ฟัลเกา ยิงสลุตจนพา ปอร์โต้ คว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก หลังจากนั้นต่อมาในฤดูกาล 2010-2011 และฟัลเกาก็ได้รับรางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์ แล้วยังแถมพ่วงด้วยการทำลายสถิติของ เจอร์เก้น คลิ้นส์มัน อีกด้วย และด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมทำให้เขาเป็นที่ต้อการตัวจากหลายๆ สโมสรและสุดท้ายก็เป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ได้ตัวเขาไป



แอตเลติโก้ มาดริด

       วันที่ สิบแปด18 สิงหาคม 2011 เอฟซี ปอร์โต้ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ดาวเตะราดาเมล ฟัลเกา ได้ย้ายไปร่วมทีม แอตเลติโก มาดริด แล้วด้วยราคาถึง กับ40 ล้านยูโร ทำให้เขาทำลายสถิตินักเตะราคาแพงที่สุดของ แอตเลติโก ตราหมีมาดริด ในทันที  เขาลงเล่นให้กับต้นสังกัดใหม่นัดแรกในเกมที่แพ้ สโมสรบาเลนเซีย 0-1 หลังจากเกมนั้นเขาใช้เวลาไม่นาน ฟัลเกาจัดการประเดิมประตูแรกในเกมที่ชนะ สโมสรอูดิเนเซ่ 4-0 ในศึกยูโรป้าลีก นั่นทำให้สถิติการทำประตูในศึกยูโรป้าลีกของเขาเพิ่มขึ้นเป็น เขาได้ยิง 19 ประตู จากการลงเล่น 18 นัด การค้าแข้งให้กับทีมตราหมีเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อยๆหลังจากเวลาผ่านไป หลังจากนั้นและอีกไม่นานเขาก็เบิกแฮตทริกแรกกับตราหมีได้สำเร็จ ในนัดที่ชนะ สโมสรเรอัล โซเซียดาด ไป 4-0 ในที่สุดเขาก็พาต้นสังกัดคว้าแชมป์ยูโรป้าลีก เมื่อในปีฤดูกาล ที่2011-2012 และเจ้าตัวยังคว้ารางวัลดาวซัลโวในรายการนี้ 2 ฤดูกาลติดๆกันอีกด้วย
2012-2013 ฟัลเกา เปิดหัวฤดูกาลได้อย่างสุดยอดด้วยการซัดแฮตทริกในเกมลาลีก้า ใน2 นัดแรก ก่อนจะต่อเนื่องความโหดในเกม ยูฟ่าซุปเปอร์คัพที่ถล่ม เชลซีเชลซี แชมป์ยูฟ่าเเชมเปี้ยนส์ลีก แบบเละเทะ 4-1 และเหมือนเช่นเดิมในฤดูกาลนี้ โดยเขายังรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง จนช่วยให้ตราหมีกวาดแชมป์ ถ้วยโคปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่ พนันบอลออนไลน์



โมนาโก

 วันที่ 31 พฤษภาคม โมนาโก ตัดสินใจทุ่มเงิน 60 ล้านยูโรเพื่อเป็นค่าตัวให้กับ นักเตะรายนี้ราดาเมล ฟัลเกา โดยเซ็นสัญญาทั้งหมด 5 ปี และมอบค่าเหนื่อยระดับ ประมาน250,000 ยูโรต่อสัปดาห์ โดย ฟัลเกา เคยกล่าวไว้ ณ เวลานั้นว่า และ"นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการค้าแข้ง" และเขาโดยเขายังได้กล่าวเพิ่มเติมว่านี่เป็นการเดินตามรอยเท้าของ หัวหอกจอมเก๋าอย่างเธียร์รี่ อองรี ไอดอลของเขา ส่วนการลงเล่นในนัดแรกของเขากับโมนาโกนั้นเกิดขึ้นในเกมที่ชนะ ไปด้วยสกอร์2-0 บอร์กโดซ์ และเขาก็จัดการเบิกสกอร์แรกในทันทีในนาทีที่ แปดสิบแปด88 แม้จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมแต่เขาก็ต้องรูดม่านฤดูกาล ที่2013-2014 ตั้งแต่เดือนมกราคมหลังจากได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง และซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องพลาดร่วมทัพ โคลอมเบีย ชุดลุยศึกฟุตบอลโลกที่บราซิล



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

วันที่ 1 กันยายน 2014 แมน ยูไนเต็ด และเขาได้ตกลงเซ็นสัญญายืมตัว ฟัลเกา จากโมนาโก เป็นเวลา 1 ซีซั่น ด้วยราคาที่มูลค่า 6 ล้านปอนด์ ไปและพร้อมออปชั่นซื้อตัวถาวรที่ราคา 55 ล้านปอนด์ พนันบอลออนไลน์


ระดับชาติ

ฟัลเกา ติดทีมชาติ โคลอมเบีย เริ่มตั้งแต่ชุด ยู-17 และ ยังติดทีมชุดยู 20 ที่พาทีมได้เเชมป์ เซาท์ อเมริกัน ยูธ แชมเปี้ยนส์คัพ อีกด้วย
     
สำหรับทีมชุดใหญ่ ราดาเมลฟัลเกา ติดทีมชาตินัดแรกในเกมที่พบกับ มอนเตเนโกร ในศึก คิริน เอฟเอคัพ ที่ญี่ปุ่น ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 21 ปี จากนั้นเรื่อยมาเขาก็ติดทีมชาติมาโดยตลอดหากไม่ได้รับบาดเจ็บเขาสามารถ เลยไม่สามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมแน่นอน เขาติดทีมชุดลุยศึก โคปา ศึกโคปาอเมริกา ฟุตบอลโลก 2014 (รอบคัดเลือก)  แม้จะพลาดการลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิล โดยที่แต่ทีมชาติโคลอมเบียของเขาก็ยังสามารถทำผลงานได้อย่างประทับใจแฟนๆด้วยการไป เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะพ่ายเจ้าภาพบราซิลไปในการดวลจุดโทษ และซึ่งก็น่าคิดหากว่าโคลอมเบียมีเขายืนเป็นศูนย์หน้าทีมโคเคนจะไปได้ไกลกว่า นี้ขนาดไหน




เกียรติประวัติ 


เกียรติประวัติกับสโมสร

พนันบอลออนไลน์

ลิเวอร์เพลต


-อาร์เจนติเนพรีเมราดิวิชัน (1): 2008


ปอร์โต้ (โปร์ตู)


-ปรีไมราลีกา (1): 2010–11
-ทาการ์ ดา โปรตุเกส (2): 2009–10, 2010–11
-โปรตุเกส ซุเปร์คัพ (2): 2010, 2011
-ยูฟ่ายูโรปาลีก (1): 2010–11

แอตแลนติโก มาดริด


-ยูฟ่ายูโรปาลีก (1): 2011–12
-ยูฟ่าซูเปอร์คัพ (1): 2012


เกียรติประวัติทีมชาติ


โคลอมเบีย


-ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ระดับเยาวชน (1): 2005



เกียรติประวัติเฉพาะตัว

-ทีมในฝันของทวีปอเมริกาใต้: 2007
-รางวัลลูกบอลทองคำโปรตุเกส: 2010–11
-ดาวซัลโวประจำฤดูกาลยูฟ่ายูโรปาลีก (2): 2010–111, 2011–12
-แมนออฟเดอะแมตช์ยูฟ่ายูโรปาลีก (2): 2011, 2012
-ดาวซัลโวประจำปีของทาการ์ ดา โปรตุเกส: 2009–10
-ยูฟ่าซูเปอร์คัพ แมนออฟเดอะแมตช์: 2012




พนันบอลออนไลน์

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ประวัติของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้




พนันบอลออนไลน์



ข้อมูลนักเตะ

ชื่อเต็ม กริชเตียนู รูนัลดู ดุซ ซังตุส อาไวรู

วันเกิด 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985 (อายุ 30ปี)

สถานที่เกิด ฟุงซาล,มาเดรา,ประเทศโปรตุเกส

ส่วนสูง 184 เซนติเมตร

ตำแหน่ง กองหน้า ปีกซ้าย ปีกขวา

เท้าที่ถนัด ถนัดทั้งสองเท้า

สโมสรปัจจุบัน เรอัล มาดริด



ประวัตินักฟุตบอล

คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายฌูแซ ดีนิช อาไวรู กับนางมารีอา ดูโลรึช อาไวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์ ทวดฝ่ายมารดาของเขา อีซาเบล ดา ปีดาดึ มีพื้นเพมาจากประเทศกาบูเวร์ดี (เคปเวิร์ด)
ที่มาของชื่อโรนัลโดนั้นพ่อของเขาเป็นผู้ตั้งให้โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของนายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของโรนัลโดชื่นชอบตั้งแต่เรแกนยังเป็นนักแสดงอยู่


ครอบครัวของโรนัลโดอาศัยอยู่ที่ย่านกิงตาดูฟัลเซา เขตซังตูอังตอนีอูของเมืองฟุงชาล ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งในตอนเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลมาก บริเวณตามถนน พอตอนเขาอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของทีมอังดูริญญา (Andorinha) โดยการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้ พอถึงปี พ.ศ. 2538 โรนัลโดย้ายไปอยู่กับทีมนาซีอูนัล (Nacional) โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล

กริชเตียนู รูนัลดู ดุช ซังตุช อาไวรู หรือที่รู้จักกันในชื่อ คริสเตียโน โรนัลโด เป็นนักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ปัจจุบันสังกัดอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดในลาลีกา เล่นในตำแหน่งกองหน้าและเป็นกัปตันทีม ของ ฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกสคนปัจจุบัน โรนัลโดเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ฟุตบอลรองจากแกเร็ธ เบล หลังย้ายจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มาอยู่กับเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ โรนัลโดได้รับค่าจ้างในการลงเล่นให้กับเรอัลมาดริดจำนวน 12 ล้านปอนด์ต่อปี ทำให้เขาเป็นนักเตะที่มีค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก

โรนัลโดได้ลงเล่นฟุตบอลในนามทีมเยาวชนของอังดูริญญา เมื่อเขาเล่นได้อยู่สองปีก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับนาซีอูนัลในปี 1997 เขาได้ทำสัญญาให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง สปอร์ติงลิสบอน โรนัลโดได้ถูกพิจารณาย้ายตัวไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยคนที่ซื้อเขาคือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซื้อตัวเขามาด้วยจำนวนเงิน 12.24 ล้านปอนด์ โรนัลโดได้แชมป์เอฟเอคัพ ซึ่งเป็นเกียรติประวัติแชมป์แรกของเขาในปี 2003

พนันบอลออนไลน์

คริสเตียนูโรนัลโดลงเล่นในเกมของฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกสในระดับชาตินัดแรกคือตอนเจอกับคาซัคสถาน ในเดือนสิงหาคม 2003 และหลังจากนั้นเขาได้ลงเล่นมากขึ้นรวมทั้งหมดถึงห้าทัวร์นาเมนต์ได้แก่ ยูโร 2004, ฟุตบอลโลก 2006, ยูโร 2008, ฟุตบอลโลก 2010 และยูโร 2012 เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติโปรตุเกสได้ในการแข่งขันยูโร 2004 ในนัดเปิดการแข่งขันที่เจอกับกรีซ เขาเป็นคนสำคัญในการนำทีมชาติโปรตุเกสเข้าไปชิงชนะเลิศในปี 2004 และหลังจากนั้นโรนัลโดได้มีบทบาทและได้ลงตำแหน่งตัวจริงมากขึ้น ในปี 2008 โรนัลโดได้เป็นกัปตันทีมครั้งแรกของทีมชาติโปรตุเกสได้นำทีมเข้าแข่งขันยูโร 2008 สามารถเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ เขาสามารถยิงได้สามประตูในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้

และในวันที่ 16 ตุลาคม 2012 โรนัลโดได้ลงเล่นครบ 100 นัดสำหรับทีมชาติโปรตุเกสในนัดที่เจอกับไอร์แลนด์เหนือ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในสามนักเตะที่ลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกสเกิน 100 นัด

เมื่อในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 เฟสบุกอย่างเป็นทางการของเขาได้มีคนติดตามถึง 50 ล้านคน

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร 2008 จัดทำโดยแอลจี บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน โรนัลโดได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1 ในปี 2012 โรนัลโดได้รับรางวัลนักกีฬาไอบีเรีย-อเมริกา ประจำปี 2012 ประเภทนักฟุตบอลชาย

พนันบอลออนไลน์

นักฟุตบอลเยาวชน

ในช่วงที่โรนัลโดอายุ 8 ขวบ โรนัลโดได้เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอังดูริญญา ซึ่งพ่อของเขาเป็นผู้จัดการทีมของสโมสรแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 1995 โรนัลโดได้ทำสัญญากับสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นคือ สโมสรฟุตบอลนาซีอูนัล และได้เล่นให้กับสโมสรนี้เป็นเวลา 5 ปี แล้วได้ย้ายไปอยู่กับ สปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล (สปอร์ติงลิสบอน) ในช่วงปี ค.ศ. 1997 และได้สำเร็จการเล่นฟุตบอลเยาวชนให้กับในประเทศของตน



นักฟุตบอลอาชีพ 


สปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล


ในปี ค.ศ. 2002 โรนัลโดในวัย 17 ปีได้ย้ายมาเล่นให้กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล (สปอร์ติงลิสบอน) เนื่องจากในช่วงนั้นสโมสรฟุตบอลชื่อดังในโปรตุเกสได้เห็นความสนใจของโรนัลโดมากแต่เขาเลือกที่จะมาอยู่กับ สปอร์ติงลิสบอน โดยโรนัลโดได้ลงเล่นเป็นตำแหน่งกองหน้า และได้มีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงเยอะ โรนัลโดโชว์ฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการหลบหลีกคู่ต่อสู้ การแย่งชิงบอล การยิงจากระยะไกล และการทำประตูอย่างแม่นยำ ทำให้โรนัลโดในช่วงนั้นโด่งดังไปทั่วในทวีปยุโรป และโรนัลโดมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง ด้วยจุดนี้เอง ทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชื่อดังของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ ได้สนใจที่จะนำโรนัลโดมาร่วมทีม ซึ่งการเจรจาซื้อตัวโรนัลโดก็เป็นที่สำเร็จ โดยก่อนที่โรนัลโดจะออกจากประเทศโปรตุเกส โรนัลโดเล่นให้กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล ไปแล้วทั้งสิ้น 31 นัด ทำไป 5 ประตู



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ฤดูกาล 2003-2006

โรนัลโดได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2002–03 โรนัลโดใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ลีก และผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพกับมิลล์วอลล์ ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ประจำฤดูกาล 2003/04 โรนัลโดกับการพาทีมชาติโปรตุเกสผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูโร 2004 ก่อนพ่ายให้กับ กรีซ 0 - 1

ในฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโดกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฟอร์มไม่ดีเท่ากับปีแรก หลังจากที่จบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 50 นัด แต่ทำได้แค่ 9 ประตู ในฤดูกาล 2005/06 โรนัลโดก็เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองมาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ด้วยการทำ 12 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด

โรนัลโดคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟิฟโปร ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ให้แฟน ๆ เป็นผู้ลงคะแนนโหวตตัดสิน และในปีเดียวกันเขาก็ได้อันดับที่ 20 ในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย


ฤดูกาล 2006–2009

ในศึกฟุตบอลโลก 2006 โรนัลโดถูกแฟนบอลอังกฤษรุมโห่ไล่หลังจากที่มีส่วนทำให้เวย์น รูนีย์ เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต้องถูกไล่ออกในเกมที่อังกฤษพบกับโปรตุเกส โรนัลโดถูกสื่อในอังกฤษกดดันและต่อว่า อย่างไรก็ดีโรนัลโดยังคงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

เมษายน 2007 คริสเตียโน โรนัลโด คว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมและผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษหรือพีเอฟเอไปครอง โดยเป็นผู้เล่นรายที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศทั้งสองมาครอบครองในเวลาเดียวกัน หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตลอดฤดูกาลนี้โดยก่อนหน้านี้ แอนดี เกรย์ เคยทำได้เมื่อปี 1977 หรือ ราว 30 ปีก่อน

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2009 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยอมรับว่า ได้รับข้อเสนอการซื้อตัวจากสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ปรากฏว่าโรนัลโดก็มีความต้องการที่จะออกจากสโมสรเช่นกัน โดยเขาได้ตกลงย้ายออกไป การซื้อตัวครั้งนี้ถือเป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก
โดยผลงานของโรนัลโดได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 299 นัด ทำประตูได้ 118 ประตู พนันบอลออนไลน์

พนันบอลออนไลน์

เรอัล มาดริด


ฤดูกาลที่ 2009-10

ในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2009 สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ได้ซื้อตัวโรนัลโดมาด้วยค่าตัวถึง 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติการซื้อนักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในประเทศอังกฤษ เขาได้รับตำแหน่งสวมเสื้อหมายเลข 9 โดยในฤดูกาลนี้โรนัลโดทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยได้ลงเล่นเป็นตังจริงทั้งหมด ถึง 35 นัด ทำประตูไปได้ 33 ประตู ซึ่งครองดาวซัลโวสูงสุดของลาลีกา ในฤดูกาลนี้ โดยโรนัลโดได้ถูกเล่นในตำแหน่งกองหน้า และบางครั้งเขาอาจจะเล่นในตำแหน่งปีกขวา โรนัลโดทำประตูแรกตั้งแต่มาอยู่กับเรอัลมาดริดคือในนัดที่เจอกับสโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด โดยเรอัลมาดริดชนะไป 2-0 และในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2009 โรนัลโดได้ยิงลูกฟรีคิกระยะใก้ลถึงสองครั้งในนัดที่เจอกับเอฟซี ซูริชโดยเรอัลมาดริดชนะไป 5-2 ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม



ฤดูกาลที่ 2010-11

พอเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโด เขาได้ถูกเปลี่ยนเบอร์ของเสื้อจากเบอร์ 9 เป็นเบอร์ 7 และได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็นโชเซ มูรีนโญ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสที่รู้จักในตัวของโรนัลโดเป็นอย่างดี ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ในนัดที่เรอัลมาดริดเจอกับราซิงเดซานตันเดร์ โดยโรนัลโดทำประตูไปได้ถึง 4 ประตู ทำให้เรอัลมาดริดชนะไป 4-0 แล้วในนัดที่เจอกับ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา โดยเรอัลมาดริดไปเยือนที่กัมนอว์ แพ้ไป 5-0 ซึ่งโรนัลโดก็ได้มีจังหวะยิงหลายครั้ง แล้วหลังจากในนัดนั้น เรอัลมาดริดได้เปิดบ้านพบกับแอทเลติกบิลบาโอ โดยในนัดนั้นโรนัลโดเกือบทำแฮตทริกได้โดยเขายิงไป 5 ประตู ในช่วงเวลาต่างกันไม่เกิน 6 นาที ทำให้ชนะไป 6-1 และในช่วงปลายปี ค.ศ. 2010 เขาได้ทำเกือบทำซูเปอร์แฮตทริกเป็นครั้งแรกในตัวของเขาโดยในถ้วยโกปาเดลเรย์กับเลบันเตอูเด โดยโรนัลโดทำไป 5 ประตู และแฮตทริกของการีม แบนเซมา ทำให้เรอัลมาดริดชนะไป 8-0 พนันบอลออนไลน์


ฤดูกาลที่ 2011-12

ความสำเร็จและการพัฒนาของโรนัลโดในช่วงอยู่กับเรอัลมาดริดเริ่มดีขึ้น โดยโรนัลโดซัดประตูในฤดูกาลนี้ไป 60 ประตู (รวมทุกรายการ) และได้เล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกไปจนถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็แพ้ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ไป 3-1 (ดวลจุดโทษ) แต่โรนัลโดก็สามารถนำทีมได้แชมป์ลาลีกา ได้เป็นครั้งที่ 32 ของสโมสร โดยในช่วงปลายฤดูกาล เรอัลมาดริดกับบาร์เซโลนาได้แข่งขันกันที่กัมนอว์ ในนัดที่ 2 ซึ่งโรนัลโดก็เป็นฮีโรโดยเขาได้ยิงประตูชัยสุดสำคัญในการนำทีมเรอัลมาดริดคว้าแชมป์ลาลีกาด้วยการชนะสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา ไป 2-1 ที่กัมนอว์ และจบอันดับ 1 ของ ตาราง มี 100 คะแนน ซึ่งเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของโลกที่ทำคะแนนได้สูงสุด




ทีมชาติ


โรนัลโด ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกสในนัดแรกที่โปรตุเกสชนะคาซัคสถาน ไป 1-0 ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2003


ยูโร 2004

โรนัลโดได้ถูกเรียกตัวไปไปเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 ประตูแรกในนามทีมชาติชุดใหญ่ของเขาคือตอนที่โปรตุเกสชนะกรีซไป 2-1 ในรอบแบ่งกลุ่มและจากนั้นก็ยิงประตูต่อในนัดรอบก่อนรองชนะเลิศที่โปรตุเกสเจอกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งโปรตุเกสชนะไป 2-1 เขาได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีมนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำแห่งฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปของการแข่งขันแม้จะยิงได้เพียงแค่ 2 ประตู นอกจากนี้เขายังเป็นตัวแทนของทีมชาติโปรตุเกสในโอลิมปิกฤดูร้อน 2004


ฟุตบอลโลก 2006


โรนัลโดได้เป็นรองดาวซัลโวในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ในโซนยุโรปด้วยการยิงไป 7 ประตู และประตูแรกของเขาในฟุตบอลโลก คือนัดที่พบกับอิหร่าน ด้วยการยิงลูกโทษ เมื่อมาถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ได้พบกับอังกฤษในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 โรนัลโดได้พบเพื่อนร่วมทีมจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งก็คือ เวย์น รูนีย์ และรูนีย์ได้ไปทำฟาวล์ใส่กองหลังทีมชาติโปรตุเกสซึ่งคือ รีการ์ดู การ์วัลยู สื่ออังกฤษสันนิษฐานว่าโรนัลโดมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ตัดสินโอราซีโอ เอลีซอนโด โดยอุกอาจบ่นหลังจากที่เขาได้เห็นตรงม้านั่งสำรองของทีมชาติโปรตุเกสหลังจากการไล่รูนีย์ออก หลังการแข่งขันโรนัลโดยืนยันว่ารูนีย์เป็นเพื่อนของเขาและว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่เกี่ยวกับการไล่รูนีย์ออกจากสนาม วันที่ 4 กรกฎาคม อริซอนโด ได้บอกกับทางสื่อว่าการที่เขาแจกใบแดงให้รูนีย์เพราะเป็นการทำผิดของกฎฟุตบอลเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรนัลโดเลย พนันบอลออนไลน์

หนังสือพิมพ์ของประเทศอังกฤษ ได้ประกาศข่าวร้ายของโรนัลโดเนื่องจากในข่าวบอกว่าเขาจะออกจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจากเหตุใบแดงของรูนีย์และเขาได้ถูกกล่าวลงในหนังสือกีฬาประจำวันของประเทศสเปนว่าเขาจะย้ายไปอยู่กับเรอัลมาดริดและเมื่อเฟอร์กูสันผู้จัดการทีมได้ทราบเขาเลยส่งผู้ช่วยการ์ลุช ไกรอช เพื่อมาพูดคุยกับโรนัลโดเพื่อเปลี่ยนความคิดของเขาในการย้ายจากสโมสรเพราะเหตุการณ์ของรูนีย์  โรนัลโดตัดสินใจอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และทำสัญญาใหม่ของเขาเป็นเวลา 5 ปี ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2007

โรนัลโดถูกโห่ในระหว่างการแข่งขันโปรตุเกสกับฝรั่งเศสในรอบก่อนรองชนะเลิศซึ่งโปรตุเกสได้แพ้ไปและพลาดรางวัลผู้เล่นของการแข่งขันที่ดีที่สุดแม้ว่าการโหวตออนไลน์รับผลกระทบเพียงกระบวนการสรรหา กลุ่มศึกษาทางเทคนิคของฟีฟ่าได้รับรางวัลเกียรติยศของเยอรมนีไปให้ ลูคัส โพดอลสกี โดยอ้างว่าพฤติกรรมของโรนัลโดเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ









พนันบอลออนไลน์