ประวัติของ เนมันย่า วิดิช

ชื่อเต็ม เนมันย่า วิดิช
วันเกิด 21 ตุลาคม 1981 (33ปี)
เกิดที่ ตีตอวออูชีตเซ ประเทศยูโกสลาเวีย
เชื้อชาติ เซอร์เบีย
ส่วนสูง 188 เซนติเมตร
เท้าที่ถนัด เท้าขวา
ตำแหน่ง กองหลังตัวกลาง
สโมสรปัจจุบัน อินเตอร์ มิลาน
ประวัติของนักเตะ
เนมันยา วิดิชเป็นนักฟุตบอลชาวเซอร์เบีย เคยเล่นให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีกประเทศอังกฤษ เล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก วิดิชเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุเพียงแค่ 6 ขวบ โดยเมื่ออายุได้เพียง 12 ปีเขาก็ได้เข้าร่วมกับสโมสร สลอบอดาอูชีตเซ เมื่อชีวิตในวัยเด็กของวิดิชเขาเติบโตมาท่ามกลางสงครามในช่วงยูโกสลาเวียล่มสลายและแบ่งออกเป็นหลายประเทศโดยจากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นในการลงเล่นให้กับทีมชาติ เซอร์เบีย แอนมอนเตเนโกรในฟุตบอลโลก ในรอบคัดเลือก ปี 2005 จนกระทั่งผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกในรอบสุดท้าย เมื่อในปี 2006 ที่เยอรมันได้สำเร็จ จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายสโมสรชั้นนำในยุโรปต่างมาเคาะประตูของสโมสร สปาร์ตัก มอสโคว์ ได้ถามหากองหลังที่ชื่อเนมานย่า วิดิช
เนื่องจากการเสียไปเพียงประตูเดียวในรอบคัดเลือก ในการแข่งขันฟุตบอลลโลก(ราอูล ของสเปนเป็นผู้พังประตูได้) ซึ่งโดยแผงกองหลังของทีมชาติเซอร์เบียฯ ต่อมาเขาเลยมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเขาโดยวิดิชได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นดาวเด่นของแผงกองหลังชุดนี้ในนัดสุดท้ายของฟุตบอลโลก ช่วงรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม 7 ที่ทีมชาติเซอร์เบียฯ ได้เอาชนะทีมชาติบอสเนียฯ ด้วยสกอร์ 1-0 วิดิช ดูเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ว่าเขาจะได้รับใบแดงถูกไล่ออกจากสนามไปก่อนหมดเวลา 5 นาทีก็ตาม
ถึงแม้ว่าสโมสรอย่างลิเวอร์พูลและฟิออเรนติน่า ต่างก็อาจจะแสดงความสนใจออกมา อย่างไรก็ตาม กองหลังวัย 24 ปีรายนี้ทำให้กองเชียร์ปิศาจแดง ผู้คนทั่วโลกพึงพอใจด้วยการเซ็นสัญญาระยะเวลา 4 ปีย้ายเข้ามาร่วมชายคาถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อยู่ในเดือนมกราคม ปี 2006 ด้วยความสูง 188 เซนติเมตร ด้วยสไตล์การเล่นแบบดุดันแข็งแกร่ง ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะนำวิดิช ไปเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับอดีตยอดกองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยอาทิอย่างเช่น สตีฟ บรูซ และ ยาป สตัม ในช่วงที่มีการเซ็นสัญญากับสโมสร พนันบอลออนไลน์
ซึ่งตั้งแต่เมื่อตอนที่มาถึงเมืองแมนเชสเตอร์ เจ้าตัวพยายามหลีกเลี่ยงการนำไปเปรียบเทียบดังกล่าวในช่วง"เมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็กก็มีนักเตะเก่งๆ มากมายหลายคนแต่ที่จริงแล้วผมไม่ได้พยายามเอาอย่างหรือเลียนแบบนักเตะคนใดทั้งนั้นและผมก็ไม่มีนักเตะที่เป็นต้นแบบโดยเฉพาะแต่อย่างใดเขากล่าว"ไอพยายามที่จะเป็นตัวของตัวเองเล่นในสไตล์ของผมเองและสร้างรูปแบบของตัวเองขึ้นมา" ถึงแม้ว่าอายุยังน้อยวิดิชก็ลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอในตำแหน่งหัวใจสำคัญของแผงกองหลังสปาร์ตักก์มอสโคว์เมื่อในช่วง2ปีที่ผ่านมาก่อนที่จะย้ายทีมครั้งสำคัญในชีวิตมาสู่สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผลของการได้รับใบเหลือง 12 ใบจากการลงเล่น 30 นัดให้กับสปาร์ตัก มอสโคว์ เมื่อในปี 2005 ทำให้วิดิช ได้รับชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในฐานะเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่เล่นอย่างฉลาด ยังมีทีเด็ดที่มีความสามารถในการเล่นลูกกลางอากาศที่ดีเยี่ยม ก่อนการย้ายมาร่วมทีมสปาร์ตัก มอสโคว์เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2004 ด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ เจ้าตัวเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลอาชีพที่สโมสรเรด สตาร์ เบลเกรด ซึ่งในตอนนั้นที่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่งอยู่ และยิงไปได้ถึง12 ประตูจากการลงเล่น 67 นัด และยังได้เป็นกัปตันทีมอีกด้วย
สโมสรอาชีพ
เรดสตาร์เบลเกรด และสปาร์ตักมอสโค
เมื่อวิดิชเซ็นสัญญากับทีม สลอบดาอูชีตได้ปีครึ่ง เรตสตาร์เบลเกรด (เซอร์เวนาซเวชดา) สโมสรชื่อดังแห่งประเทศเซอร์เบียก็ได้จับเจ้าหนูปราการหลังตัวนี้เข้าสู่ระบบเยาวชน วีดิชเริ่มต้นการเป็นนักเตะชุดใหญ่ในฤดูกาลที่เขาถูกยืมตัวไปสปาร์ตักซูบอตีตชาทีมดังแห่งศึกลูกหนัง ซุปเปอร์ลีกา ในเซอเบียร์เมื่อปี 2007 หลังจากสิ้นสุดสัญญายืมตัว วิดิดกลับมาเล่นให้กับ เรดสตาร์เบลเกรดอีกครั้งหนึ่งและการกลับมาของเขาในครั้งนี้ทำให้วีดิชได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอภายใต้การคุมทีมของ ซอรัน ฟีลี่พอวิส โดยสามารถคว้าแชมป์ Yugosla Cup เมื่อปี 2001-2002
วีดิชได้รับปลอกแขนกัปตันทีมอย่างรวดเร็วและยังเป็นกัปตันที่ยังอายุน้อยอีกด้วย เมื่อนั้นหลังจากได้รับตำแหน่งกัปตันได้ 3 ปี เขาลงเล่นไป 67 เกม เขายังยิงไปได้ 12 ประตู ถือเป็นสถิติที่ดีมากสำหรับนักเตะที่อยู่ในตำแหน่งกองหลัง ในช่วงชีวิตการค้าแข้งของวีดิชกับเรดสตาร์เบลเกรดสิ้นสุดลงด้วยการคว้าดับเบิลแชมป์ นั่นก็คือคือแชมป์ลีกของประเทศ (Serbia and Montenegro League) และแชมป์บอลถ้วย (Serbia and Montenegro Cup) เมื่อในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2004 เมื่อได้คว้าดับเบิลแชมป์ดังกล่าว วีดิชถูกซื้อตัวไปยังพรีเมียร์ลีกรัสเซียกับทีมสปาร์ตัคมอสโก แต่ไม่เปิดเผยค่าตัว แต่ยังคงเป็นที่กล่าวขานว่า วีดิชคือกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกรัสเซีย พนันบอลออนไลน์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในฤดูกาล 2005-2006 หลังจากเล่นในลีกรัสเซียกับสปาร์ตัคมอสโกได้เพียงแค่2ปีในวันที่25ธันวาคม2005 วีดิชได้เซ็นสัญญากับสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และด้วยค่าตัวประมาณ 7 ล้านปอนด์ แต่กว่าจะได้เดินทางเข้าสู่สโมสร จนได้ล่วงเวลาไปกว่าครึ่งปีเนื่องจากติดใบอนุญาตทำงานโดยวันที่ 6 มกราคม ปี 2006 วีดิชจึงได้ย้ายเข้าร่วมสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างสมบูรณ์ ถ้าหากว่าจะรวมระยะเวลาทั้งหมดซึ่งที่ทางสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เริ่มได้ให้ความสนใจในตัวเขาตั้งแต่การให้แมวมองออกไปดูฟอร์มนักเตะจนถึงได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมนั้น กินเวลากว่า 2 ปีครึ่ง
เหตุการซื้อขายนั้นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดปาดหน้าฟีโอเรนตีนาเพื่อซิววีดิชมายืนแผงหลัง โดยทั้ง ๆ ที่ สโมสรต้นสังกัดขณะนั้นกับฟิออเรนตินาได้ตกลงค่าตัวกันเรียบร้อยแล้ว ผู้คนต่างว่ากันว่าที่ฟีโอเรนตีนาต้องพลาดการเซ็นต์สัญญาครั้งนี้เพราะว่าโควต้านักเตะนอกสหภาพยุโรปเต็มพอดียูไนเต็ดจึงปาดหน้าคว้าตัวกองหลังคนเหล็กมาได้สำเร็จ ปราการหลังอย่างวีดิชได้เสื้อหมายเลข 15 และได้ลงเล่นนักแรกกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต่อมาในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2006 ในฐานะตัวสำรอง โดยถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทนรุสฟานนิสเตอร์รอยในช่วงใกล้หมดเวลาในเกมที่เอาชนะแบล็คเบิร์นโรเวอร์สไปได้ 2-1 ใน League Cup รอบ semi-final นัดที่สอง การที่คว้าแชมป์รายการแรกของวีดิชคือ League Cup ที่ต้นสังกัดเอาชนะทีมอย่างWigan Athletic ไปได้อย่างท่วมท้น 4-0 ในปี 2006 โดยได้ลงเล่นในนาทีที่ 83
ในฤดูกาลที่2006-2007 ระหว่างฤดูกาล วีดิชได้ลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอโดยครึ่งฤดูกาลแรกได้ลงเล่นถึง ทั้งหมด25 เกม โดยจับคู่เล่นกับริโอ เฟอร์ดินานด์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค จนเขาได้กลายเป็นคู่เซ็นเตอร์แบ็คที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุโรปในขณะนั้น ในฤดูกาลนั้นจบลงด้วยการที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก พนันบอลออนไลน์
นายวีดิชยิงประตูแรกในวันที่ 14 ตุลาคม 2006 นัดที่พบกับวีกันแอทเลติกในนัดที่เอาชนะไปได้ ด้วยสกอร์1–3 ในขณะที่ประตูต่อมาเขายิงได้ในนัดที่พบกับพอร์ตสมัทโดยยิงประตูขึ้นนำ ไป3–0 ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2006 และถือเป็นประตูแรกที่ยิงได้ในแมตช์United'sOldTraffordวีดิชยิงประตูแรกในรายการถ้วยยุโรป (EUFA Champions League) ในนัดที่ชนะไบฟีกา 3-1 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.2006 ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม โดยโหม่งประตูสุดสวยตีเสมอให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสร(แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต้องชนะเท่านั้นจึงจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีม) เมื่อทีมโดนนำไปก่อน ทำให้ต้นสังกัดเดินหน้าบุกและยิงได้อีก ถึง2 ประตู กรุยทางเข้าสู่รอบต่อไปได้ หลังจากเกมนั้น ผู้จัดการทีมไบฟีกาได้ออกมายกย่องประตูนั้นว่า กลายเป็นประตูที่สุดสวยและทำให้ทีมของเขาต้องผิดหวังกับผลการแข่งขัน
เมื่อในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 วีดิชจรดปากกาต่อสัญญากับต้นสังกัดไปอีก 5 ปี ทำให้เขามีพันธะผูกพันกับ สโมสโมสรไปจนถึงปีค.ศ. 2012จนเมื่อสิ้นฤดูกาลเขาก็ได้พาต้นสังกัดคว้าดับเบิลแชมป์ คือแชมป์ลีกเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน แถมได้แชมป์ยุโรป ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกในชีวิตของเขา ด้วยการ(เอาชนะเชลซีในการดวลจุดโทษ) นอกจากนี้วีดิชยังติดทีมยอดเยี่ยมยุโรปในปีนั้นอีกด้วย ปีนั้นจึงถือเป็นปีทองของเนมันยา วีดิช อย่างแท้จริง
ในฤดูกาลที่2008/09 โดยที่ผ่านมา ชื่อเสียงของวิดิชเริ่มเป็นที่ยอมรับ ฟอร์มของเขาดีกว่าฤดูกาลก่อนๆเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมปีศาจแดงไม่เสียประตูติดต่อกันถึง เลย14 นัด จนกระทั่งมีชื่อเข้าลุ้นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ในนามของพีเอฟเอ (PFA Player of the Year) ซึ่งถ้าว่ากันตรงๆแล้ว ถ้าไม่นับรวมจาก 2 นัดที่แพ้ให้ลิเวอร์พูล ซึ่งวิดิชฟอร์มหลุดอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเพราะเจอทีมเทพเข้าไป นอกเหนือจากนั้นถือว่ามีผลงานที่ดีมาก และได้ผลจบฤดูกาล แมนยูคว้าแชมป์ และเขาก็ได้รางวัล "นักเตะยอดเยี่ยมในใจแฟนๆ" และ "นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี" ไปครอง พนันบอลออนไลน์
ในฤดูกาล2009-2010 ในวันที่ ดี25 ตุลาคม 2009 วิดิชลงสนามพบกับลิเวอร์พูลและเอาชนะได้ 2-0 ถือว่าเป็นสามแต้มที่ได้มาอย่างดุเดือดเพราะเขาได้รับใบแดงในเกมนี้ และในเกมวันที่ 21 มีนาคม 2010 เขาลงเล่นครบ 90 นาทีนัดที่พบกับวีแกนและชนะด้วยสกอร์ แบบฉิวเฉียด2-1 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดและพบกันอีกครั้งในวันที่ 19 กันยายน 2010โดยชนะ 3-2
ในฤดูกาล2010-2011 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2010 เจ้าตัววิดิชได้ขยายสัญญาของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยทำสัญญาระยะยาวครั้งใหม่เพื่อเป็นการหักอกเรอัลมาดริดที่จะซื้อตัววิดิชไป สัญญาฉบับใหม่ 4 ปีทำสัญญาเมื่อวันที่21 สิงหาคม วิดิชทำประตูแรกให้ฤดูกาลนี้ในวันที่ 11 กันยายน ทีมต้องออกไปเยือนเอฟเวอร์ตันและชนะ 2-1 หลังจากเป็นกัปตันทีม 5 นัดแรก โดยต่อมานายใหญ่อย่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันผู้จัดการทีมได้ยืนยันว่าวิดิชจะเป็นกัปตันต่อจากแกรี่เนวิลล์แบบถาวรตลอดไปในวันที่30ตุลาคมวิดิชทำประตูแรกในบ้าน 2-0 นัดที่พบกับทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ พนันบอลออนไลน์
ในฤดูกาล2011-2012 ในเดือนสิงหาคม 2011 เนมานย่าวิดิชเปิดฤดูกาลด้วยการแข่งขันคอมมูนิตี้ชิลด์ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงครั้งแรก อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับริโอเฟอร์ดินานด์ในนัดที่ชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ในช่วงครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลับมาชนะ 3-2 ซึ่งเนมานย่า วิดิชเป็นคนยกโล่ในฐานะกัปตันทีม โดยซึ่งเป็นโล่คอมมูนิตี้ชิลด์ครั้งที่4ในอาชีพการค้าแข้งของเขา ในช่วงสัปดหาต่อมา เขาเปิดฤดูกาลพร้อมกับแมนฯยูไนเต็ดพบกับเวสบอมวิสอัลเบี้ยน แต่เขาถูกนำตัวออกในครึ่งหลังเพราะมีอาการบาดเจ็บที่น่อง ในทีแรกคิดว่าเขาจะพลาดลงสนามสองสามสัปดาห์ แต่พบว่ามีอาการเจ็บที่รุนแรงพักยาวถึง 5 สัปดาห์ วิดิชต้องพลาดเกมกับทอตแน่ม ฮอตสเปอร์,อาร์เซน่อล, ทีมอย่างโบลตันวันเดอร์เรอร์ส, เชลซีและเกมที่เสมอสโต๊ค ซิตี้ 1-1 และเขาก็ยังไม่สามารถลงเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกนัดแรกที่พบกับเบนฟิก้าและเอฟเซี บาเซิล ในวันที่ 7 ธันวาคม 2011 วิดิชหัวเข่าบิดในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกปะทะกับบาเซิล ต่อมาเฟอร์กี้ได้ยืนยันว่าเขาจะต้องพักยาวทั้งฤดูกาลเลย
และเมื่อในฤดูกาล2012-2013 เนมันย่าวิดิชกลับมาเริ่มต้นในวันที่ 20 สิงหาคม 2012 ในนัดที่ออกไปเยือนเอฟเวอร์ตันและชนะ ด้วยผล1-0 ในวันที่ 25 สิงหาคม 2012 เปิดบ้านต้อนรับฟูแล่ม เขาได้ทำบอลพลาดเข้าโกลตัวเองในนาทีที่64บอลผ่านมาทางกรอบประตูเดียเกียอาพยายามชกออกไปส่งผลให้โกลสแปนิชกลายเป็นแซนวิชระหว่างวิดิชและมลาเด็น เปตริชลูกโดนส้นเท้าของเขาเข้าประตูไป
พนันบอลออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น