วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัตินักฟุตบอลในตำนาน จิมมี่ โรเบิร์ต เคส

ประวัตินักฟุตบอลในตำนาน จิมมี่ โรเบิร์ต เคส












พนันบอลออนไลน์






ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อจริง จิมมี่ โรเบิร์ต เคส


วันเกิด 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1954 (อายุ 61 ปี)


สถานที่เกิด เมือง อัลเลอร์ตัน ลิเวอร์พูล ประเทศ อังกฤษ


สัญชาติ อังกฤษ


ส่วนสูง 180 ซม.


น้ำหนัก 76 กก.


ตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวรุก


ลงเล่น 269 นัด


ยิงประตู 46 ประตู


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


เล่นให้กับทีม สโมสร ลิเวอร์พูล


ย้ายร่วมทีม 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1973


ลงนัดแรก 26 เมษายน ค.ศ. 1975


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 8




พนันบอลออนไลน์





ประวัติการเป็นนักฟุตบอล


จิมมี่ โรเบิร์ต เคส อดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวสายเลือดสิงโตคำราม เขาเคยลงเล่นให้กับหลายๆสโมสรซึ่งนั่นก็รวมไปถึง ลิเวอร์พูล และ ฮัมบูร์ก หลังจากที่เขาได้แขวนสตั๊ดเขาก็ได้มารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม ให้กับสโมสรต่างๆได้แก่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด , ฟูแล่ม และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเขาก็สามารถพาทั้ง 3 ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ทั้งหมด และเขายังเคยได้รับหน้าที่เป็นกุนซือทีมชาติอังกฤษอีกด้วย เมื่อฤดูกาลที่ 1966 - 1971 คีแกน เปิดตัวครั้งแรกด้วยวัย 17 ปี ในนัดที่พบกับสโมสร ปีเตอร์โบโร่ ยูไนเต็ด และเขาก็ได้รับโอกาศลงสนามไปทั้งหมด 29 นัด ในซีซั่นแรกของเขาที่ได้โอกาศลงเล่น หลังจากนั้นเขาก็ได้ยึดตำแหน่ง 1 ใน 11 ผู้เล่นตัวจริงของทีมในฤดูกาล 1969 - 1970 และเขาได้ลงๆปทั้งหมด 49 นัดให้กับทีม คีแกน เขาได้ลงสนามในตำแหน่งมิดฟิวด์ตัวรุกฝั่งขวาให้กับทีม เขามีโอกาศลงเล่นไปทั้งหมด 124 นัด และยิงไปทั้งหมด 18 ประตู แต่เมื่อปี ค.ศ. 1971 ฟอร์มของเขาได้ไปเข้าตาทางด้าน บิล แชงค์ลีย์ โดยในตอนนั้นเขาทำหน้าที่คุมสโมสร ลิเวอร์พูล และได้จัดการดึงตัวเขามาร่วมทัพด้วยค่าตัว 35,000 ปอนด์(ราว 1.8 ล้านบาท) ในวัย 20 ปี และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1971 คีแกน ได้แจ้งเกิดเป็นครั้งแรกในนัดที่พบกับ น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรส ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนาม แอนฟิลด์ และเขาก็โชว์ฟอร์มที่สุดยอดด้วยการทำประตูได้ โดยที่เขาเพิ่งลงสนามมาได้เพียง 12 นาทีเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าในตอนแรกของสัญญาระบุว่าเขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่ง กองกลาง แต่ทว่า บิล แชงค์ลีย์ ได้เล็งเห็นถึงความสามารถของเขาเลยได้เปลี่ยนให้เขามาเล่นในตำแหน่งกองหน้า






พนันบอลออนไลน์





เมื่อฤดูกาล 1973 - 1974 ดัลกลิช เขาได้สร้างชื่อให้กับตัวเอง ด้วยการที่เขาสามารถพาสโมสร ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 7 ปี ร่วมกับ จอห์น โตแช็ค กองหน้าคู่กันของเขา และได้คว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ ซึ่งเขาสามารถยิงไปได้คนเดียว 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศเลกแรกในนัดที่พบกับ "สิงห์หนุ่ม" โบรุสเซีย มึนเซ่นกลัดบัค และก็จบด้วยชัยชนะของทีม "หงษ์แดง" ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ 3 - 2 ถึงแม้ว่าในปีต่อมาเขาจะสามารถยิงประตูให้กับทีมได้มากขึ้น แต่ว่า ลิเวอร์พูล ต้องพลาดท่าเสียแชมป์ให้กับทางด้านทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งในฤดูกาลนั้นพวกเขาได้มีสถิติไม่แพ้ใครยาวกว่า 29 นัด ตั้งแต่เขาออกสตาร์ท ถึงอย่างไรก็ตามทีม ลิเวอร์พูล ก็ยังสามารถคว้าถ้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 3 - 0 ที่สนาม เวมบลี่ย์ โดยเขาเหมาคนเดียวไปสองตุงในนัดนั้น และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ และต่อมาจากนั้นอีก 3 เดือน คีแกน ก็ได้กลับไปเล่นที่สนาม เวมบลีย์ อีกครั้งในรายการแข่งขัน ชาริตี้ ชีลด์ โดยพบกับทีมแชมป์ลีกในฤดูกาลผ่านมาอย่างทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด และก็ได้เกิดเหตุขึ้น โดยที่เขาได้ปะทะกันกับ บิลลี่ เบรมเนอร์ กัปตันทีม "ยุงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด และผู้ตัดสินก็ได้แจกใบแดงให้กับทั้งสองคนออกจากสนาม ซึ่งในการปะทะกันครั้งนั้น ทั้งสองฝ่ายถูกปรับไปคนละ 500 ปอนด์ (ราว 27,000 บาท) และเขาก็ถูกแบนไปทั้งหมด 3 นัด ส่วนทางคู่กรณีเขาถูกแบนไป 8 นัด






พนันบอลออนไลน์






ยอดมิดฟิลด์ จิมมี่ เคส อดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวสายเลือดสิงโตคำราม เขาเคยลงเล่นให้กับหลายๆสโมสรซึ่งนั่นก็รวมไปถึง ลิเวอร์พูล และ ฮัมบูร์ก หลังจากที่เขาได้แขวนสตั๊ดเขาก็ได้มารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม ให้กับสโมสรต่างๆได้แก่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด , ฟูแล่ม และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเขาก็สามารถพาทั้ง 3 ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ทั้งหมด และเขายังเคยได้รับหน้าที่เป็นกุนซือทีมชาติอังกฤษอีกด้วย เมื่อฤดูกาลที่ 1966 - 1971 คีแกน เปิดตัวครั้งแรกด้วยวัย 17 ปี ในนัดที่พบกับสโมสร ปีเตอร์โบโร่ ยูไนเต็ด และเขาก็ได้รับโอกาศลงสนามไปทั้งหมด 29 นัด ในซีซั่นแรกของเขาที่ได้โอกาศลงเล่น หลังจากนั้นเขาก็ได้ยึดตำแหน่ง 1 ใน 11 ผู้เล่นตัวจริงของทีมในฤดูกาล 1969 - 1970 และเขาได้ลงๆปทั้งหมด 49 นัดให้กับทีม คีแกน เขาได้ลงสนามในตำแหน่งมิดฟิวด์ตัวรุกฝั่งขวาให้กับทีม เขามีโอกาศลงเล่นไปทั้งหมด 124 นัด และยิงไปทั้งหมด 18 ประตู แต่เมื่อปี ค.ศ. 1971 ฟอร์มของเขาได้ไปเข้าตาทางด้าน บิล แชงค์ลีย์ โดยในตอนนั้นเขาทำหน้าที่คุมสโมสร ลิเวอร์พูล และได้จัดการดึงตัวเขามาร่วมทัพด้วยค่าตัว 35,000 ปอนด์(ราว 1.8 ล้านบาท) ในวัย 20 ปี และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1971 คีแกน ได้แจ้งเกิดเป็นครั้งแรกในนัดที่พบกับ น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรส ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนาม แอนฟิลด์ และเขาก็โชว์ฟอร์มที่สุดยอดด้วยการทำประตูได้ โดยที่เขาเพิ่งลงสนามมาได้เพียง 12 นาทีเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าในตอนแรกของสัญญาระบุว่าเขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่ง กองกลาง แต่ทว่า บิล แชงค์ลีย์ ได้เล็งเห็นถึงความสามารถของเขาเลยได้เปลี่ยนให้เขามาเล่นในตำแหน่งกองหน้า พนันบอลออนไลน์












พนันบอลออนไลน์










เคส เขาได้สร้างชื่อให้กับตัวเอง ด้วยการที่เขาสามารถพาสโมสร ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 7 ปี ร่วมกับ จอห์น โตแช็ค กองหน้าคู่กันของเขา และได้คว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ ซึ่งเขาสามารถยิงไปได้คนเดียว 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศเลกแรกในนัดที่พบกับ "สิงห์หนุ่ม" โบรุสเซีย มึนเซ่นกลัดบัค และก็จบด้วยชัยชนะของทีม "หงษ์แดง" ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ 3 - 2 ถึงแม้ว่าในปีต่อมาเขาจะสามารถยิงประตูให้กับทีมได้มากขึ้น แต่ว่า ลิเวอร์พูล ต้องพลาดท่าเสียแชมป์ให้กับทางด้านทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งในฤดูกาลนั้นพวกเขาได้มีสถิติไม่แพ้ใครยาวกว่า 29 นัด ตั้งแต่เขาออกสตาร์ท ถึงอย่างไรก็ตามทีม ลิเวอร์พูล ก็ยังสามารถคว้าถ้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 3 - 0 ที่สนาม เวมบลี่ย์ โดยเขาเหมาคนเดียวไปสองตุงในนัดนั้น และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ และต่อมาจากนั้นอีก 3 เดือน คีแกน ก็ได้กลับไปเล่นที่สนาม เวมบลีย์ อีกครั้งในรายการแข่งขัน ชาริตี้ ชีลด์ โดยพบกับทีมแชมป์ลีกในฤดูกาลผ่านมาอย่างทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด และก็ได้เกิดเหตุขึ้น โดยที่เขาได้ปะทะกันกับ บิลลี่ เบรมเนอร์ กัปตันทีม "ยุงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด และผู้ตัดสินก็ได้แจกใบแดงให้กับทั้งสองคนออกจากสนาม ซึ่งในการปะทะกันครั้งนั้น ทั้งสองฝ่ายถูกปรับไปคนละ 500 ปอนด์ (ราว 27,000 บาท) และเขาก็ถูกแบนไปทั้งหมด 3 นัด ส่วนทางคู่กรณีเขาถูกแบนไป 8 นัด





















พนันบอลออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น