วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ จูเซ็ปเป้ รอสซี่

พนันบอลออนไลน์ 













ประวัติของ จูเซ็ปเป้ รอสซี่






ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อเต็ม จูเซ็ปเป้ รอสซี่


วันเกิด 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1987 (อายุ 28 ปี)



เกิดที่ เมือง นิวเจอร์ซีย์ ประเทศ สหรัฐอเมริกา


สัญชาติ อิตาลี


ส่วนสูง 173 ซม.


น้ำหนัก 73 กก.


ลงเล่น 15 นัด


ยิงประตู 3 ประตู


ตำแหน่ง กองหน้า


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


เคยเล่นให้กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


เข้าร่วมทีม 6 กรกฏาคม ค.ศ. 2004


ลงนัดแรก 15 กรกฏาคม ค.ศ. 2004


เงินเดือน 2 ล้าน EUR


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 22





พนันบอลออนไลน์






ประวัติการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ


จูเซ็ปเป้ รอสซี่ เขาเริ่มหัดเตะฟุตบอลด้วยการไปฦึกซ้อมกับทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นเขามีอายุได้ 10 ขวบ และเขาก็ได้พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาได้มีรายชื่อไปเตะให้กับทีมชาติ อังกฤษ ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และด้วยการที่เขาพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้สโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด จับเขามาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะมาชีพเมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 1998 สมิธ เขาสามารถพังประตูแรกของตัวเองได้ในการลงสนามนัดแรก ซึ่งเป็นนัดที่พบกับทีม ลิเวอร์พูล ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1998 และนั่นมันทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกที่สำคัญ ในการลงตำแหน่งศูนย์หน้าคู่กับ จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลแบงค์ เพื่อที่จะลงไปช่วยกันล่าตาข่ายด้วยความหิวกระหาย และเร่งเกมรุกอย่างเต็มสูบให้กับทีม "นกยูงทอง" จากการเล่นที่รุนแรง และความเลือดร้อนของเขา ทำให้เขาถูกผู้ตัดสินไล่ออกจากสนามในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ 2000 - 2001 และจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมันก็สอนให้เขารู้ว่าเขาควรใจเย็นมากขึ้นกว่านี้ ภายหลังต่อมาเขาได้กลับมาเล่นให้กับทีมอีกครั้ง และเขาก็สามารถทำประตูไปได้ถึง 11 ลูก ให้กับสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นที่ 2001 - 2002 สมิธ เขาได้จับให้ลงไปเล่นในตำแหน่งกองกลางมากขึ้น เนื่องจากทีมต้นสังกัดได้เซ็นสัญญาซื้อกองหน้าตัวใหม่อย่าง ร็อบบี้ ฟาว์เลอร์ จากสโมสร ลิเวอร์พูลเข้ามาในทีม และนี่ก็ส่งผลให้โอกาศทำประตูของเขาลดน้อยลงเรื่อยๆ อลัน สมิธ เขาลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกโยพบกับทีมชาติ เม็กซิโก ที่สนาม ไพรด์ พาร์ค เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2001 และเขาก็กลายเป็นตัวเลือกแรกภายใต้การคุมทีมของ สเวน โกรัน อิริคส์สัน ในตำแหน่งกองหน้าของทีม "สิงโตคำราม" อังกฤษ ในรายการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2002 รอบคัดเลือก แต่ทว่าเขาไม่ได้มีรายชื่อติดทีม ไปทำศึกที่ประเทศญี่ปุ่นในรอบสุดท้าย








พนันบอลออนไลน์






เมื่อฤดูกาลที่ 2002 - 2003 ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ยังมีโอกาศติดทีมชาติในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เพื่อลงทำการแข่งขันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือ ยูโร อายุไม่เกิน 21 ปี และในครั้งนี้เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งหัวหอกกองหน้า และตำแหน่งกองกลาง และเขาก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมากที่ สวิตเซอร์แลนด์ ถึงแม้ว่าทีมชาติของเขาจะต้องอกหัก ไม่สามรถคว้าแชมป์มาครองได้ก็ตาม อลัน สมิธ เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้งในแมตช์อุ่นเครื่องระหว่าง อังกฤษ พบกับ โปรตุเกส และเขาก็สามารถถลุงประตูได้จากการแอสซิสของ ลี โบว์เยอร์ แต่ในนัดต่อมาที่พบกับทีมชาติ มาซิโดเนีย ในรอบคัดเลือกฟุตบอล ยูโร 2004 เขาก็ต้องถูกไล่ออกในช่วงท้ายๆของเกม และจบการแข่งขันในแมตช์นั้นโดยเสมอกันไป 2 - 2 ที่สนาม เซนต์ แมรี่ จากการที่เขาได้ใบเหลืองไป 12 ใบ และอีก 3 ใบแดง ในซีซั่นนี้ของเขาก็ทำให้ผู้คนมากมายพูดถึงในเรื่องพฤติกรรมของตัวสมิธ และรวมไปถึงการล่าตาข่ายได้แค่ 3 ประตุของเขาใน พรีเมียร์ ลีก ด้วยเหตุผลนี้เองที่เขาไม่สามารถสร้างความประทับใจให้ใครๆเลย จนกระทั่งมาถึงในฤดูกาลที่ 2003 - 2004 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเริ่มฤดูการมาได้ 21 นัด พร้อมกับใบเหลืองติดตัวมาทั้งหมด 9 ใบ แต่ทว่าฟอร์มการเล่นของเขาได้แพรวพราวขึ้นมาก และเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเขาอย่างเต็มที่ ในการที่จะพยายามช่วยทีมให้หนีจากการตกชั้น สมิธ เขาได้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอีกครั้ง นับตั้งแต่จากนัดที่เขาโดนใบแดงในเกมที่พบกับทีมชาติ มาซิโดเนีย ซึ่งเขาถูกเลือกในนัดที่ทีมชาติ อังกฤษ พบกับทีมชาติ เดนมาร์ก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ทว่าจากการที่เขาฟาดขวดน้ำใส่แฟนบอล ในเกมการแข่งขัน คาร์ลิ่ง คัพ ในนัดที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด พบกับทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ในก่อนหน้านั้นทำให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษตกลงกันว่าไม่ให้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ ในนัดดังกล่าว แต่ทางผู้จัดการทีม สเวน โกรัน อิริคส์สัน ยืนยันที่จะให้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ ต่อไปอย่างแน่นอน และได้เรียกตัวเขากลับมาอีกครั้งในนัดที่พบกับทีมชาติ โปรตุเกส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004  พนันบอลออนไลน์










พนันบอลออนไลน์












กองหน้าจอมแท็คติก จูเซ็ปเป้ รอสซี่ เขาเริ่มหัดเตะฟุตบอลด้วยการไปฝึกซ้อมกับทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นเขามีอายุได้ 10 ขวบ และเขาก็ได้พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาได้มีรายชื่อไปเตะให้กับทีมชาติ อังกฤษ ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และด้วยการที่เขาพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้สโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด จับเขามาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะมาชีพเมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 1998 สมิธ เขาสามารถพังประตูแรกของตัวเองได้ในการลงสนามนัดแรก ซึ่งเป็นนัดที่พบกับทีม ลิเวอร์พูล ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1998 และนั่นมันทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกที่สำคัญ ในการลงตำแหน่งศูนย์หน้าคู่กับ จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลแบงค์ เพื่อที่จะลงไปช่วยกันล่าตาข่ายด้วยความหิวกระหาย และเร่งเกมรุกอย่างเต็มสูบให้กับทีม "นกยูงทอง" จากการเล่นที่รุนแรง และความเลือดร้อนของเขา ทำให้เขาถูกผู้ตัดสินไล่ออกจากสนามในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ 2000 - 2001 และจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมันก็สอนให้เขารู้ว่าเขาควรใจเย็นมากขึ้นกว่านี้ ภายหลังต่อมาเขาได้กลับมาเล่นให้กับทีมอีกครั้ง และเขาก็สามารถทำประตูไปได้ถึง 11 ลูก ให้กับสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นที่ 2001 - 2002 สมิธ เขาได้จับให้ลงไปเล่นในตำแหน่งกองกลางมากขึ้น เนื่องจากทีมต้นสังกัดได้เซ็นสัญญาซื้อกองหน้าตัวใหม่อย่าง ร็อบบี้ ฟาว์เลอร์ จากสโมสร ลิเวอร์พูลเข้ามาในทีม และนี่ก็ส่งผลให้โอกาศทำประตูของเขาลดน้อยลงเรื่อยๆ อลัน สมิธ เขาลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกโยพบกับทีมชาติ เม็กซิโก ที่สนาม ไพรด์ พาร์ค เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2001 และเขาก็กลายเป็นตัวเลือกแรกภายใต้การคุมทีมของ สเวน โกรัน อิริคส์สัน ในตำแหน่งกองหน้าของทีม "สิงโตคำราม" อังกฤษ ในรายการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2002 รอบคัดเลือก แต่ทว่าเขาไม่ได้มีรายชื่อติดทีม ไปทำศึกที่ประเทศญี่ปุ่นในรอบสุดท้าย











พนันบอลออนไลน์










เมื่อฤดูกาลที่ 2002 - 2003 ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ยังมีโอกาศติดทีมชาติในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เพื่อลงทำการแข่งขันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือ ยูโร อายุไม่เกิน 21 ปี และในครั้งนี้เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งหัวหอกกองหน้า และตำแหน่งกองกลาง และเขาก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมากที่ สวิตเซอร์แลนด์ ถึงแม้ว่าทีมชาติของเขาจะต้องอกหัก ไม่สามรถคว้าแชมป์มาครองได้ก็ตาม อลัน สมิธ เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้งในแมตช์อุ่นเครื่องระหว่าง อังกฤษ พบกับ โปรตุเกส และเขาก็สามารถถลุงประตูได้จากการแอสซิสของ ลี โบว์เยอร์ แต่ในนัดต่อมาที่พบกับทีมชาติ มาซิโดเนีย ในรอบคัดเลือกฟุตบอล ยูโร 2004 เขาก็ต้องถูกไล่ออกในช่วงท้ายๆของเกม และจบการแข่งขันในแมตช์นั้นโดยเสมอกันไป 2 - 2 ที่สนาม เซนต์ แมรี่ จากการที่เขาได้ใบเหลืองไป 12 ใบ และอีก 3 ใบแดง ในซีซั่นนี้ของเขาก็ทำให้ผู้คนมากมายพูดถึงในเรื่องพฤติกรรมของตัวสมิธ และรวมไปถึงการล่าตาข่ายได้แค่ 3 ประตุของเขาใน พรีเมียร์ ลีก ด้วยเหตุผลนี้เองที่เขาไม่สามารถสร้างความประทับใจให้ใครๆเลย จนกระทั่งมาถึงในฤดูกาลที่ 2003 - 2004 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเริ่มฤดูการมาได้ 21 นัด พร้อมกับใบเหลืองติดตัวมาทั้งหมด 9 ใบ แต่ทว่าฟอร์มการเล่นของเขาได้แพรวพราวขึ้นมาก และเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเขาอย่างเต็มที่ ในการที่จะพยายามช่วยทีมให้หนีจากการตกชั้น สมิธ เขาได้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอีกครั้ง นับตั้งแต่จากนัดที่เขาโดนใบแดงในเกมที่พบกับทีมชาติ มาซิโดเนีย ซึ่งเขาถูกเลือกในนัดที่ทีมชาติ อังกฤษ พบกับทีมชาติ เดนมาร์ก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ทว่าจากการที่เขาฟาดขวดน้ำใส่แฟนบอล ในเกมการแข่งขัน คาร์ลิ่ง คัพ ในนัดที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด พบกับทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ในก่อนหน้านั้นทำให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษตกลงกันว่าไม่ให้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ ในนัดดังกล่าว แต่ทางผู้จัดการทีม สเวน โกรัน อิริคส์สัน ยืนยันที่จะให้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ ต่อไปอย่างแน่นอน และได้เรียกตัวเขากลับมาอีกครั้งในนัดที่พบกับทีมชาติ โปรตุเกส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004



























พนันบอลออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น